ถึงแม้หลายคนจะเพียบพร้อมไปด้วยหน้าตา ฐานะทางการเงินและสังคม อาชีพที่มั่นคง มีคนรักและครอบครัวที่ดีก็ตาม แต่แปลกที่พวกเขาเหล่านั้นก็ยังคงไม่มีความสุขกับตัวเองและชีวิตที่เป็นอยู่ เนื่องด้วยอาจจะยังไม่พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ มีอยู่ และ ยังไม่เข้าใจ หรือไม่ยอมรับในตัวเองก็เป็นได้
ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นของคนที่ประสบความสำเร็จและมีความสุขในชีวิตได้ คือ ต้องรู้จักวิธีการยอมรับและเข้าใจตัวเองให้เป็น แล้วเราจะมีความสุขในชีวิตมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ต่อให้มีอุปสรรคใดๆเข้ามา ก็พร้อมเผชิญและต่อสู้กับมันให้ผ่านพ้นไปได้
การยอมรับตนเองสำคัญอย่างไร?
การยอมรับตัวเอง หรือ การเข้าใจในตัวเองนั้น ก็คือการที่เราซื่อตรงกับสิ่งที่ตัวเองเป็นทั้งด้านที่ดีและไม่ดี มีมุมมองที่มองตัวเองเป็นกลาง เข้าใจความรู้สึกนึกคิดและสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ และยอมรับสภาพที่เป็นได้โดยไม่ต่อต้าน หรือฝืนใจตัวเอง
คนที่ยอมรับตัวเองได้ต้องรู้จักให้เกียรติ เคารพความเป็นตัวเราเอง พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง ปรับให้ดีขึ้นในสิ่งที่สามารถทำได้ด้วยข้อจำกัดต่างๆที่เรามีอยู่ และเลือกที่จะมีมุมมองด้านบวก และพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น โดยไม่เปลี่ยนความเป็นตัวเราเองตามกระแสสังคม ซึ่งการที่เราสามารถยอมรับตัวเองได้ดีนั้น จะส่งผลที่ดีต่อตัวเราเองอย่างมาก ดังนี้ครับ
- เราจะมีสุขภาพจิตที่ดี และมีความสุข เพราะเราพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น และเคารพความรู้สึก เข้าใจถึงสถานการณ์ความเป็นจริงที่เป็นอยู่ และ ให้เกียรติตัวเราเอง
- เราจะมีสุขภาพกายที่แข็งแรง เพราะเรามีความสุขทางใจ และรักตัวเองมากขึ้น เราก็อยากทำสิ่งที่ดีๆ ให้แก่ร่างกายตัวเองไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย การออกกำลังกายเพื่อให้มีความสดชื่น และมีพลังงานในการทำสิ่งต่างๆมากขึ้น
- เราจะมีบุคลิกภาพที่ดูดี และมีความมั่นใจ จากการที่เรายอมรับและเข้าใจตัวเองนั้น จะส่งผลให้เรามองตัวเองในแง่ที่ดี ส่งผลให้เรามีบุคลิกภาพที่ดี มีความมั่นใจ ซึ่งจะแสดงออกมาทางลักษณะภายนอก หน้าตาและการกระทำที่ดูมีพลัง ทำให้คนรอบข้างสามารถสัมผัสได้
- ส่งเสริมการเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ส่งผลให้ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างดียิ่งขึ้น เพราะ เราเข้าใจสิ่งที่เราเป็น ไม่ได้ให้ปัจจัย/บุคคลอื่นๆ ภายนอกมากำหนดตัวเรา เราเข้าใจตัวเอง และรู้ว่าต้องกระทำหรือตอบสนองเช่นไรต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เราจะเป็นคนที่คิดบวกมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เราเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้ผู้คนอยากเข้าหา อยากผูกมิตรด้วย
- ทำให้เราเป็นคนที่พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และมีชีวิตที่ดีขึ้นในแบบของตัวเอง เพราะ การที่เรายอมรับทั้งข้อดี-ข้อเสียของตัวเองแล้ว เราจะเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่า เราควรปรับปรุงพัฒนาจุดบกพร่องของตัวเองในเรื่องใด และจะคำนึงถึงความเป็นไปได้เพื่อแก้ไขสิ่งบกพร่องนั้นๆ (ยอมรับข้อผิดพลาด และพร้อมแก้ไข/ปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นเสมอ) ซึ่งจะส่งผลลัพธ์ให้เราเป็นคนพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นตลอดเวลา
คนที่ยอมรับตัวเองได้มีลักษณะอย่างไร
จากที่กล่าวในหัวข้อของความสำคัญในการยอมรับตัวเองไปแล้วนั้น จะสะท้อนออกมาทางลักษณะของบุคคลนั้นๆ ได้ดังนี้
- เป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส
- เป็นคนคิดบวก มีพลังบวก
- เป็นคนกระตือรือร้น
- เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี
- เป็นคนสุขภาพแข็งแรง
- เป็นคนบุคลิกดูมั่นใจ
- เป็นคนเปิดกว้างทางความคิด
- เป็นคนเข้าใจและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
- เป็นคนปล่อยวางได้ดี และไม่เครียดง่าย
- เป็นคนที่เคารพและห่วงความรู้สึกของตัวเอง
- เป็นคนที่รับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองเลือก/การกระทำของตัวเอง โดยไม่โทษผู้อื่น/สิ่งภายนอก
- เป็นคนมองสิ่งต่างๆด้วยความเป็นจริง และอยู่กับปัจจุบัน
- เป็นคนมีเหตุผลในการคิดและกระทำสิ่งต่างๆ
- เป็นคนมีสติ และควบคุมอารมณ์ได้ดี
- เป็นคนมีหลักในจิตใจ และมีจุดยืนของตัวเอง (ที่ไม่ได้สร้างความเดือนร้อนให้แก่ผู้อื่น หรือขวางโลก)
อย่างไรก็ตาม การบอกให้ทุกคนยอมรับตัวเองให้ได้นั้นอาจฟังดูพูดง่ายมาก แต่ความคิดนี้ยากสำหรับใครหลายๆคนที่ไม่มีความเข้าใจในตัวเองเลย หรือพยายามที่จะหลีกหนีจากความเป็นจริง บางคนไม่พอใจในนิสัยของตัวเอง
บางคนไม่พอใจหน้าตาตัวเอง บางคนไม่ชอบสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญหรือได้รับอยู่ในปัจจุบัน บางคนชอบตำหนิและวิจารณ์ตัวเองตลอดเวลา ซึ่งอย่างที่กล่าวไป เราควรหาวิธีในการที่จะยอมรับตัวเอง และชีวิตความเป็นจริงที่เป็นอยู่ให้เป็น เพื่อเราจะได้มีความสุข และเข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้นกันนะครับ
บทความส่วนถัดไปจะเป็นวิธีการยอมรับตัวเองให้เราทุกคนได้ลองทำความเข้าใจ และนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับตัวเราเองกันดูนะครับ
วิธียอมรับตัวเอง
ผมจะขอแนะนำวิธีในการฝึกให้เราสามารถยอมรับตัวเองได้ โดยอาจใช้เวลาในการฝึกฝน แล้วเราจะสามารถเป็นคนที่ยอมรับตัวเองและมีความสุขได้ง่ายๆ โดยลองนำ 6 วิธี ดังต่อไปนี้ ไปปรับใช้เพื่อพัฒนาแนวคิดและการดำเนินชีวิตของเราให้สามารถยอมรับตัวเองให้เป็นกันดูนะครับ
- เห็นคุณค่าในตัวเราเอง ผ่านการเข้าใจว่าเรามีจุดแข็ง-จุดดีอะไรบ้าง ซึ่งการที่เราเข้าใจตัวเองว่าเรามีจุดดีอะไร จะช่วยทำให้เราเห็นคุณค่าในตัวเองมากยิ่งขึ้น และไม่รู้สึกหดหู่หรือรู้สึกไร้ค่า โดยเราอาจจะใช้วิธีการจดรายการ ทำรายการจุดแข็งของเรา เช่น สิ่งที่เราเชี่ยวชาญ คุณค่าในตัวเรา และ สังคมที่เรามี เป็นต้น โดยเราอาจจะใช้วิธีการลองสอบถามจากคนรอบข้างที่เราสนิทก็ได้ว่า เรานั้นมีจุดแข็ง/จุดดีอะไรบ้างในสายตาที่เค้ามองมา เพือ่เราจะได้เข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้น และนำมาพิจารณาเพื่อปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่ยังไม่ดี โดยยังมีจุดยืนความเป็นตัวเองอยู่
- ให้ซื่อสัตย์กับตัวเอง โดยการมองตัวเองให้เป็นกลาง สะท้อนตัวเราจากมุมมองของคนอื่นโดยไม่เข้าข้างตัวเราเอง และกล้าที่จะยอมรับการวิจารณ์หรือคำตำหนิ เพราะสังคมสมัยนี้ชอบเน้นเรื่องการได้รับการยอมรับ/ชมเชยจากคนรอบข้าง จนลืมสนใจความเป็นตัวตนของตนเอง ต้องเป็นคนแบบนี้ถึงจะดี คนถึงจะชอบ โดยที่เราต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสของสังคมเรื่อยๆ ซึ่งเท่ากับเราไม่ให้เกียรติหรือเคารพความเป็นตัวเราเอง เราพยายามที่จะหลีกหนีการมองเห็นอะไรก็ตามในตัวเองที่ทำให้ไม่ได้รับการชมเชยและเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้เป็นที่ยอมรับเท่านั้น
- ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นแล้วนำมาเป็นบทเรียนเพื่อเรียนรู้และพัฒนาตัวเองต่อไป มีเพียงตัวเราเท่านั้นที่สามารถกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองได้ จากการกระทำของเราเอง หากเราเลือกที่จะจมปรักกับปัญหาและความผิดพลาดเดิมๆที่เกิดขึ้นไปแล้ว ชีวิตเราจะไม่ไปไหน แต่ถ้าเราคิดในเชิงบวกว่า ปัญหา อุปสรรค และความผิดพลาดเหล่านั้นเป็นครูที่สอนเรา ให้เราแข็งแกร่งและเติบโตยิ่งขึ้นกว่าเดิม และไม่กลับไปผิดพลาดซ้ำเดิมอีก จะช่วยให้เรามีชีวิตที่ก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างคนชาญฉลาด เราจะสามารถทนต่อความท้าทายได้ มีความอุตสาหะ และเติบโตขึ้นอย่างมีคุณค่า
- ปรึกษาและพูดคุยกับคนที่คุณไว้ใจได้ เพื่อได้ระบายความรู้สึก และความคิดเกี่ยวกับชีวิตของเราเอง บางทีเราอาจจะเข้าใจชีวิตตัวเรามากขึ้น และไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตเราแย่อย่างที่คิดขนาดนั้นนะครับ และผมแนะนำว่าให้ลองขอคำปรึกษาจากเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวที่เราสนิท ว่าเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงหรือทำให้ชีวิตเราดีขึ้นจากทางที่เราไม่อยากยอมรับได้อย่างไร
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เป็นวิธีที่ง่าย และ สะดวก อีกทั้งยังเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพกว่า หากเราลองไปขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ซึ่งจะช่วยให้เราเรียนรู้วิธีการยอมรับตัวตนและความเป็นจริงของเราเองได้ อาจจะเป็นนักจิตวิทยา จิตแพทย์ ที่ปรึกษาผู้ได้รับใบอนุญาต หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตอื่นๆก็ได้
- นั่งสมาธิ เพียงจัดเวลาในการฝึกจิตโดยผ่านการนั่งสมาธิจะช่วยให้จิตใจเราสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน และทำให้เรามีสติในการคิดและกระทำสิ่งต่างๆ มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เราเป็นคนที่สามารถยอมรับตัวเองได้มากยิ่งขึ้น และไม่กังวลต่อปัจจัยภายนอกที่จะมากระทบได้ง่ายๆ อีกทั้งยังสามารถปลดปล่อยความเครียดและความกังวลทางกายและใจเราได้อีกด้วย
ผมอยากแนะนำเติมอีกนิดนึงนะครับ บางคนพอยอมรับตัวเองได้แล้วก็จบแค่นั้น และปล่อยข้อเสียของตัวเองเอาไว้อย่างเดิม แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราควรยอมรับข้อเสียและนำมาพิจารณาดูว่าตามความสามารถและปัจจัยหลายๆอย่างสามารถเอื้ออำนวยให้เราปรับปรุงและพัฒนาให้มันดีขึ้นจากเดิมได้ไหม ไม่ใช่ปล่อยให้เราจมปรักอยู่กับความบกพร่องแบบเดิมๆ
เช่น เรายอมรับว่าเราเป็นคนขี้อิจฉาคนอื่น ชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นในแง่ที่ไม่ดี เราก็ยอมรับว่าเราเป็นคนแบบนี้และก็เป็นแบบเดิม อย่างนี้ถือว่าไม่ถูกต้องนะครับ เราต้องหาแนวทางที่ว่า เราจะทำอย่างไรให้เราไม่เป็นคนขี้อิจฉา และจมอยู่กับกองทุกข์จากการที่ชอบเปรียบเทียบกับคนอื่นตลอดเวลา
เราอาจลองฝึกปรับทัศนคติการคิดใหม่ และฝึกการเปิดใจให้กว้างพร้อมยอมรับและยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี หัดมองคุณค่า และจุดที่ดีในตัวเรา โดยไม่ต้องเปรียบเทียบกับใครทั้งสิ้น อย่างนี้เราถึงจะเรียกว่าเป็นการยอมรับตัวเองอย่างถูกวิธี และยังช่วยให้เรามีชีวิตที่ดีและมีความสุขมากยิ่งขึ้นนะครับ
ผมหวังว่า เราทุกคนจะสามารถฝึกฝันการยอมรับตัวเองได้ดียิ่งขึ้น และมีความสุขกับชีวิตในแบบของเรา ในทางที่ถูกต้องและดี ไม่นำพาความเดือนร้อนให้แก่ตัวเองและคนรอบข้างนะครับ
บทความล่าสุด
การจัดโต๊ะคอมให้สวยถูกใจ พร้อมฟังก์ชันการใช้งานครบครัน...
ในมุมมองหนึ่ง ‘ลูกคนกลาง’ ดูเหมือนจะต้องแบกรับภาระทางใจอันหนักอึ้ง...