การโตเป็นผู้ใหญ่ คือ ความฝันอย่างหนึ่งของวัยเด็ก แต่เมื่อเราอายุมากขึ้นสิ่งที่ระลึกถึงแล้วทำให้เรายิ้มได้ กลับเป็นการย้อนไปหาความไร้เดียงสาในวัยเด็กเสมอ และแน่นอนว่าระหว่างทางของการเติบโตจากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่ ต่างมีเหตุการณ์ และเรื่องราวมากมายให้เราได้เผชิญที่ไม่ใช่เพียงแค่อายุที่มากขึ้นแล้วเราจะกลายเป็นผู้ใหญ่ทีใคร ๆ เคารพได้ในทันทีนั่นเอง
ใช่ครับ ผมกำลังจะบอกว่า “ในโลกที่บังคับให้เราเติบโตอยู่ตลอดเวลา การเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่แค่อายุที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น” สิ่งสำคัญกลับอยู่ที่การกระทำที่ส่งผลต่อตัวเองและคนอื่น และวันนี้เราจะไปเรียนรู้พร้อม ๆ กันถึงวิธีวางตัวให้เป็นผู้ใหญ่ ที่จะทำให้เราก้าวข้ามผ่านวัยสนุกไม่รู้ประสาสู่การเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบและเป็นคนที่ใคร ๆ ก็เคารพกันครับ
ปรับมุมมองเพื่อวางตัวให้เป็นผู้ใหญ่
แน่นอนครับ หากเราจะสลัดความไม่รู้ในวัยเยาว์ เพื่อรับมือกับบทเรียนใหม่ ๆ ที่กำลังเดินทางเข้ามาในชีวิตความเป็นผู้ใหญ่ สิ่งแรกที่จะทำให้เราเติบโตได้อย่างมีคุณภาพก็คือ วิธีคิด ที่มันจะส่งผลถึงการกระทำของเรานั่นเอง ดังนั้น เพื่อเตรียมตัวรับกับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว ผมขอแนะนำว่าเราควรปรับ Mindset เป็นอันดับแรกกันเลยครับ โดยเริ่มจาก
1. การตั้งเป้าหมายในชีวิตอย่างชัดเจน
ผมเชื่อแน่ว่า หลายคนเคยตอบคำถามที่ว่า โตขึ้นเราอยากเป็นอะไร ? และคำตอบของเราก็ล่องลอยไร้จุดหมายและเปลี่ยนไปทุก ๆ ก้าวย่างการเติบโตกันเลยทีเดียว ไม่เว้นแม้แต่ผมเช่นกัน แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เราต้องก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว การปรับมายเซ็ตให้เริ่มจริงจังกับเป้าหมายของชีวิตที่ชัดเจนขึ้นคือสิ่งที่ส่งผลต่ออนาคตได้อย่างแท้จริง
อยากพาตัวเองไปถึงจุดไหน? ความฝันที่แท้จริงคืออะไร? คือสิ่งที่เราต้องเริ่มโฟกัสอย่างจริงจัง เพื่อก้าวไปให้ถึงเป้าหมายอย่างมุ่งมั่น และนั่นคือสิ่งที่จะยึดเหนี่ยวจิตใจให้คุณเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรงได้นั่นเอง
2. เปิดใจ มองโลกในมุมดี ๆ ของความเป็นจริง
เพราะโลกบังคับให้เราต้องเติบโตสู่วัยผู้ใหญ่อย่างปฎิเสธไม่ได้ และเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก็มีทั้งเรื่องดีและไม่ดี
การเปิดใจให้กว้าง ปรับมุมมองและเพิ่มทัศนคติในด้านบวกกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จะทำให้จิตใจของเราเข็มแข็งและสามารถวางตัวได้สงบนิ่งอย่างแข็งแกร่งได้แม้ในภาวะการณ์ที่เลวร้ายมาก ๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นผลดีต่อจิตใจของตัวเราเองแล้ว คนรอบข้างยังมองว่าเราเป็นที่พึ่งที่ดีได้อีกด้วย
3. ยอมรับความเป็นไปของโลกและธรรมชาติที่เกินควบคุมได้
หลาย ๆ เรื่องบนโลกใบนี้ คือ ปรากฎการณ์ที่เกินความควบคุมของตัวเราเอง ยกตัวอย่างง่าย ๆ อย่างเช่น แผ่นดินไหว ภัยธรรมชาติ การเกิดแก่เจ็บตาย หรือแม้กระทั่งความไม่สงบของสังคม ตลอดจนเรื่องของความรักที่ขึ้นอยู่กับจิตใจของคนอันเป็นสิ่งควบคุมและเข้าใจยากที่สุดด้วย
การยอมรับสภาวะการณ์ความเป็นไปของโลก และมูฟออนออกมาเพื่อคิดวิเคราะห์เรื่องราวต่าง ๆ รวมถึงการรับฟังมุมมองจากหลาย ๆ ด้าน จะทำให้คุณสามารถหาคำตอบและวิธีการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีสติ และมันก็ส่งผลถึงบุคลิกความเป็นผู้ใหญ่ที่สง่างามด้วยเช่นกัน
สู่การยกระดับภาวะทางอารมณ์ในแบบผู้ใหญ่
1. ควบคุมอารมณ์ของตนเองให้ได้
ในโลกของผู้ใหญ่ ที่เต็มไปด้วยหน้าที่การงานและความรับผิดชอบ สิ่งสำคัญสำหรับการวางตัวให้ดูเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ คือ การควบคุมอารมณ์ของตนเอง ให้นิ่งและมีเหตุผลเสมอ แม้ว่าในสถานการณ์นั้น ๆ จะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม การข่มใจ เก็บสีหน้า เก็บอารมณ์ และแสดงออกถึงความเป็นมิตรจะทำให้คุณดูน่าเชื่อถือ น่าเคารพ และดูเป็นมืออาชีพสำหรับหน้าที่การงานในความรับผิดชอบ
แน่นอนครับว่า การวางตัวตรงนี้อาจดูเหมือนทำอยากไปสักหน่อย แต่หากลองฝึกทำบ่อย ๆ แล้ว คนที่ควบคุมตัวเองได้ในทุกสถานการณ์ ย่อมมีเครดิตในสังคมมากกว่าแน่นอนครับ
2. รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง
หากเราย้อนมองหาวัยเด็ก นิสัยอย่างหนึ่งที่มักแสดงออกอยู่บ่อยครั้ง ก็คือ การเอาแต่ใจตัวเอง หรือความคิดประเภทโลกนี้หมุนรอบตัวเอง ตัวฉันดีที่สุดและต้องได้รับการเอาใจมากที่สุด ซึ่งเมื่อย่างก้าวสู่วัยผู้ใหญ่แล้ว เราควรต้องรีบสลัดความคิดเหล่านี้ออกให้เร็วที่สุด เพราะมันแสดงถึงนิสัยไม่ยอมโต แม้จะอายุมากแล้วก็ตาม
ดังนั้น การวางตัวเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพก็ควรเปิดใจให้กว้างเข้าไว้ วางตัวเองอยู่ตรงกลางในเหตุและผลของแต่ละฝ่าย รับฟังความเห็นที่อาจแตกต่างออกไปจากความคิดของตน แล้วค่อย ๆ นำมาวิเคราะห์ นั่นเป็นเพราะว่าโลกใบนี้มันกว้างใหญ่กว่าที่เราคิด และทุกคนก็ต่างประสบการณ์ จึงไปแปลกที่เขาจะมองต่างจากเรา ขอแค่เพียงรับฟังและให้เกียรติกันและกัน เราก็จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข นั่นเอง
3. หลีกเลี่ยงการนินทา วิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น
และนี่คืออีกข้อหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ ไม่ยิ่งหย่อนไปจากข้ออื่น ๆ เลยทีเดียว เพราะมันส่งผลต่อบุคลิภาพและความเป็นผู้ใหญ่ของเราแบบสุด ๆ ลองนึกดูสิว่าเรายังไม่ชอบให้ใครมานินทาว่าร้ายเราเลย มันเป็นนิสัยแบบเด็กที่ไม่รู้จักโต
ดังนั้น การหลีกเลี่ยงการนินทา การวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นในทางเสียหาย จึงเป็นคุณสมบัติที่ดีสำหรับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและน่าเคารพ อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเราให้มุ่งมั่นสู่เป้าหมายของชีวิตที่ก้าวหน้า มากกว่ามานั่งเสียเวลาฟังเรื่องไม่เป็นเรื่องในกลุ่มผู้คนนิสัยแย่ ๆ ให้เสียสุขภาพจิต หลุดโฟกัสที่ดีของชีวิตอีกด้วย
และเชื่อเถอะครับว่า มันไม่สมูทเลยหากคนที่คุณกล่าวร้ายถึงต้องมาเผชิญหาเพื่อหาคำตอบจากคุณ
มาถึงตรงนี้ผมเชื่อแน่ว่า คุณได้เรียนรู้ถึงวิธีการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพกันแล้ว และต่อไปนี้คือการเดินทางในฐานะผู้ใหญ่กันบ้าง คือ การก้าวสู่การปรับพฤติกรรมในการวางตัวเป็นผู้ใหญ่ นั่นเองครับ
และมันก็ง่ายมาก ๆ ที่ทุกคนทำได้ เพียงแค่ปรับบุคลิกให้เป็นคนสุภาพอ้อนน้อมและมีมารยาทกับทุกคน พูดจาประสาผู้ใหญ่ที่มากขึ้นโดยการหัดใช้การสื่อสารแบบเชิงรุกบ้าง
แต่ไม่ใช่กริยาการยกตนข่มท่านหรือก้าวร้าวนะครับ เพียงแค่กล้าแสดงออกบอกความนึกคิดของคนเองอย่างสุภาพ ใจเย็นรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นและยืดหยุ่นข้อโต้แย้งอย่างมีเหตุมีผลในแต่ละสถานการณ์ ใช้คำพูดที่ดูน่าฟัง และแน่นอนว่าเมื่อปรับพฤติกรรมของตัวเราให้มีสติสัมปชัญญะในทุกสถานการณ์จะส่งให้คุณดูเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพและน่าเกรงขามมาก ๆ ซึ่งเมื่อผนวกกับความมีน้ำใจด้วยแล้วจะส่งให้คุณดูเป็นผู้ใหญ่ที่อบอุ่นยิ่งขึ้นเลยทีเดียว
การเติบโตเป็นผู้ใหญ่นั้นไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย เพราะเมื่อวันใดที่เราสลัดคราบชุดนักเรียนนักศึกษาออก โลกก็จะบังคับให้เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในทันทีนั่นเอง แต่ทว่าระหว่างการเติบโตย่อมต้องแลกมาด้วยการสูญเสียความไร้เดียงสา และวัยแห่งความสุขสดใสที่เต็มได้ด้วยความขี้สงสัยแบบไม่ประสามาสู่ความรับผิดชอบที่มากขึ้น
ดังนั้นการเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้จึงสำคัญ และการวางตัวเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ด้วยสติและภาวะอารมณ์ที่มั่นคงย่อมสำคัญกว่าด้วยประการทั้งปวง และผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นส่วนหนึ่งสำหรับการเดินทางเพื่อการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ ซึ่งน้อง ๆ ทุกคนทำได้อย่างแน่นอน ครับ
สัญญาณของการเติบโต คือ เมื่อความมืดมิดส่งผลกับเราไม่ต่างกัน ทั้งกลางวันและกลางคืน – Roddy Doyle –
บทความล่าสุด
การจัดโต๊ะคอมให้สวยถูกใจ พร้อมฟังก์ชันการใช้งานครบครัน...
ในมุมมองหนึ่ง ‘ลูกคนกลาง’ ดูเหมือนจะต้องแบกรับภาระทางใจอันหนักอึ้ง...