ในยุคที่ความรู้และข้อมูลเป็นสิ่งที่ทุกคนก็สามารถค้นหาและเรียนรู้ได้ด้วยตนเองนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนึ่งในทักษะที่ผู้คนจำเป็นต้องฝึกฝนมากที่สุดเลยก็คือ กระบวนการคิดเพื่อที่จะสร้างความแตกต่าง หรือทำให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นมาด้วยวิธีการใช้ความคิดสร้างสรรค์นั่นเอง
แต่ก็มีหลายคนที่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะมีความคิดสร้างสรรค์หรือยังไม่เข้าใจเลยว่าความคิดสร้างสรรค์คืออะไรกันแน่ วันนี้มีคำตอบมาให้ครับ
Table of Contents
ความคิดสร้างสรรค์ คืออะไร
ความคิดสร้างสรรค์ คือ ความสามารถทางความคิดของมนุษย์ที่แปลกใหม่จากเดิม มีหลากหลายรูปแบบหลายแง่มุมที่กว้างไกลโดยไร้กรอบและขอบเขต เพื่อสรรค์สร้างสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนหรือต่อยอดจากสิ่งที่แต่เดิมที่มีอยู่แล้วให้พัฒนาต่อไปได้ในทิศทางที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
พูดถึงคำว่า ‘ความคิดสร้างสรรค์’ หรือ ‘Creativity’ เชื่อว่าหลายคนอาจจะนึกถึงหน้าของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ หรือคนที่เป็นอัจฉริยะที่สามารถคิดอะไรที่แตกต่าง หลายคนคิดว่า ความคิดสร้างสรรค์นั้นเป็นพรสวรรค์ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความคิดสร้างสรรค์ได้ คนๆ นั้นจะต้องทำงานที่มีหน้าที่เป็นครีเอทีฟ เป็นดีไซเนอร์ เป็นนักร้อง เป็นศิลปิน ถึงจะมีความคิดสร้างสรรค์ออกมาได้
ความคิดแบบนี้พวกเราถูกปลูกฝังกันมาอย่างยาวนาน ทำให้พวกเรากลัวที่จะสร้างความคิดสร้างสรรค์หรือกล้าที่จะคิดนอกกรอบ ทั้งๆ ที่ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าความคิดสร้างสรรค์เป็นจุดกำเนิดของนวัตกรรม เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในยุคนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่อาจเป็นผลิตผลในรูปแบบของงานศิลปะ ดนตรี วรรณกรรมหรือระเบียบวิธีการต่างๆ ในมุมมองแบบใหม่
ตลอดจนการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ที่ส่งผลดีและเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในสังคมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่งถูกใช้งานมาจนถึงปัจจุบันและยังสามารถนำไปพัฒนาได้อีกต่อไปในอนาคต
อีกทั้งยังเชื่อมโยงไปสู่การค้นพบวิธีแก้ปัญหาต่างๆ อย่างชาญฉลาดและสร้างสรรค์อีกมากมาย ซึ่งมีผลดีต่อตัวเองและสังคมอีกด้วย
แล้วความคิดสร้างสรรค์นั้นเกิดจากอะไร คุณเคยสงสัยกันบ้างไหม
ความคิดสร้างสรรค์เกิดจากอะไร
ความคิดสร้างสรรค์เกิดจากการทำงานของสมองมนุษย์ ที่ประกอบไปด้วยหน้าที่ส่วนตรรกะและความสร้างสรรค์ ซึ่งต้องทำงานร่วมกันถึงจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีที่ ความคิดสร้างสรรค์สามารถมาจากความต้องการของมนุษย์ในการแก้ปัญหาด้วยวิธีใหม่ หรือความบังเอิญจากการลองผิดลองถูกก็ได้
สมองของมนุษย์นั้นจะแบ่งได้เป็น 2 ซีก คือ สมองซีกซ้ายและสมองซีกขวา ซึ่งจะมีลักษณะการทำงานที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งในหนึ่งมุมมอง ความคิดสร้างสรรค์ ก็เป็นผลมาจากการทำงานของสมอง
สมองซีกซ้ายหรือสมองส่วนของเหตุผล จะมีลักษณะการทำงานที่เน้นไปในด้านการใช้สติปัญญา คิดเกี่ยวกับตัวเลข การวิเคราะห์ ตรรกะความมีเหตุมีผลซึ่งไม่เกี่ยวกับจินตนาการ
และในส่วนของสมองซีกขวา หรือสมองส่วนของอารมณ์ความรู้สึก จะมีลักษณะการทำงานที่สามารถคิดได้โดยอิสระ ไม่เป็นเส้นตรง ไม่เป็นไปตามลำดับขั้นตอน และสามารถเห็นเป็นภาพทั้งหมดในหัวได้
จากการทำงานของสมองทั้งสองซีกแม้จะมีลักษณะการทำงานที่ดูเหมือนจะตรงกันข้ามกันเลย
บางคนอาจจะเคยอ่านเจอบทความที่บอกว่าการใช้ความคิดสร้างสรรค์นั้นเป็นการทำงานในส่วนของสมองซีกขวา นั่นก็ถือว่าไม่ผิด
แต่ก็ไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด เพราะการใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น มีความจำเป็นต้องใช้สมองทั้งสองซีก เพื่อคอยเสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งจะทำให้เกิดความคิดที่แปลกใหม่และมีความสมบูรณ์ไปในตัวนั่นเอง
ความคิดสร้างสรรค์นั้นโดยทั่วไปแล้ว สามารถเกิดขึ้นได้โดยเริ่มจากการจินตนาการ ซึ่งเป็นเพียงความคิดความฝันที่ยังไม่เป็นความจริง แต่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่ต้องการให้เกิดจริงๆ และลงมือทำตามความฝันนั้นให้เป็นจริง
และยังเริ่มจากความรู้ที่มีอยู่แล้วนำมาทำการต่อยอดเพื่อให้เกิดเป็น นวัตกรรม ซึ่งก็คือ การทำสิ่งต่างๆ ด้วยความรู้ที่มีผ่านวิธีใหม่ๆ กระบวนการที่แตกต่างโดยไม่ยึดติดกับกรอบความคิดแบบเดิมๆ กฎเกณฑ์แบบเดิมๆ
ตัวอย่างของความสร้างสรรค์
ความสร้างสรรค์นั้นสามารถมองได้หลายมิติ หลายมุมมองโดยการคิดด้วยมุมมองที่แตกต่างทำให้เกิดเป็นชิ้นงานศิลปะที่มีคุณค่าหรือการค้นพบทฤษฎีตลอดสามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ขึ้นมาได้เลย
เช่น คนที่มองเห็นความสวยงามของหญิงสาวก็จะเกิดความรู้สึกในความงามแล้วกล่าวว่าวาจาเป็นคำชมและแต่งกลอนโดยอาจจะเปรียบเทียบหญิงสาวเป็นดอกไม้ซึ่งมีความงดงามไม่แพ้กัน
หรือการที่นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังของโลกค้นพบทฤษฎีต่างๆมากมาย เช่น ไอแซก นิวตัน เห็นผลแอปเปิลหล่นลงมา ก็คิดทฤษฎีเกี่ยวกับแรงโน้มถ่วงขึ้นมาได้หรือเจมส์ วัตต์ ที่เขาเห็นไอน้ำที่ทำให้ฝาของกาเผยอก็คิดประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำได้สำเร็จ
แค่พูดถึงความสร้างสรรค์ในเมนูอาหารอย่างเดียวก็คงไม่สามารถจะหยิบยกมาบรรยายได้หมดแล้ว วันนี้จะขอยกตัวอย่างเมนูอาหารที่คนทั่วไปอาจจะคิดว่าแปลกและไม่น่าจะนำมารับประทานด้วยกันได้ นั่นก็คือ ราเมงกาแฟ จากแดนปลาดิบนั่นเอง สร้างสรรค์โดยการนำอาหารขึ้นชื่อของญี่ปุ่นอย่างราเมงมารับประทานร่วมกับน้ำซุปกาแฟ แล้วรสชาติเหมือนจะออกมาดีด้วย กลายเป็นความแปลกใหม่ที่ลงตัวในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ประโยชน์ของความคิดสร้างสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์ที่ดีนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของความแตกต่าง ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งในการแก้ไขปัญหารอบตัวเรา และการสร้างสีสันในชีวิต ความคิดสร้างสรรค์เป็นประโยชน์ต่อตัวเราเอง ต่อสังคมรอบข้าง และในหน้าที่การงานที่เราทำด้วย
โดยประโยชน์ขงอความคิดสร้างสรรค์ได้แก่:
ประโยชน์ต่อตัวเอง – ความคิดสร้างสรรค์ที่ดีนั้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยแนวทางใหม่ๆ ในการดำเนินชีวิต วิธีคิดในแง่มุมใหม่ๆ และสนุกกับการประดิษฐ์คิดค้นอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นการพัฒนาสมองไปในตัว ทำให้เรามีสติปัญญาที่เฉียบแหลมขึ้น มีไหวพริบปฏิภาณในการแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดีขึ้น จนเกิดเป็นความภาคภูมิใจในตัวเอง
ประโยชน์ต่อคนรอบข้าง – ความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งนำมาสู่สิ่งประดิษฐ์และวิธีการต่างๆ มากมายที่สามารถช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้คนอื่นในสังคมได้ และทำให้ผู้คนรอบข้างเริ่มรู้จักที่จะเรียนรู้และฝึกฝนการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อนำมาพัฒนาชีวิตของตัวเองและคนรอบข้างให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ประโยชน์ต่อการทำงาน – การเป็นบุคคลมีไอเดียที่ดี ความคิดสร้างสรรค์ที่ดีนั้นจะสามารถที่จะทำให้เราได้เปรียบอย่างโดดเด่นและสามารถเอาตัวรอดในโลกธุรกิจหรือสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ในการทำงานทั่วไปๆ ได้อย่างราบรื่น
เรายังสามารถกลายเป็นผู้นำทางด้านความคิดและยังช่วยยกระดับความสามารถความอดทนและความคิดของการเป็นผู้นำให้มากขึ้นอีกด้วย
แล้วถ้าเราอยากจะเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นต้องทำอย่างไร มีวิธีมาให้ครับ
วิธีทำให้เรามีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น
- ฝึกใช้ความคิดตลอดเวลา คิดบ่อยๆ โดยให้ลองตั้งคำถามในประเด็นหรือหัวข้อที่อยากรู้แล้วลองหาคำตอบประกอบเหตุผลในเรื่องนั้น เมื่อเราฝึกคิดบ่อยๆ ก็จะเกิดความชำนาญไปเองโดนอัตโนมัติ
- ฝึกคิดให้รอบด้าน มองให้หลากหลายมุมมอง ไม่ยึดติดกับแนวคิดใดแนวคิดหนึ่งเพียงอย่างเดียวหรือแค่มุมมองแบบเดิมๆ เท่านั้น
- ขจัดความคิดที่ครอบงำตีกรอบตัวเองออกไป โดยไม่จำกัดกรอบความคิดของตนเองไว้กับความเคยชินแบบเดิมๆ ที่เคยเชื่อเคยเห็นและเคยทำมาแล้ว
- ลองจัดระบบความคิดใหม่เพื่อที่จะเปรียบเทียบในมุมมองที่แตกต่างออกไปหรืออาจจะนำมาค้นหาความจริง
- มั่นฝึกการฟังแล้วคิดตาม ไม่เข้าใจให้ซักถาม เมื่อรู้แล้วนำไปเขียนบันทึก เหมือนดั่งคาถาหัวใจนักปราชญ์อันได้แก่ การฟัง การคิด การถาม และการเขียน
- ฝึกเป็นคนใฝ่เรียนรู้ตลอดเวลา รับข้อมูล เสพสื่อที่เป็นประโยชน์และเป็นคนช่างสังเกตแล้วจดจำ เพื่อสะสมความรู้ประสบการณ์ที่จะนำไปสู่การกระตุ้นให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ ที่ดีและมีคุณค่า
- ฝึกระดมสมองเพื่อรวบรวมความคิดสร้างสรรค์หรือที่เรียกว่า ‘Brainstorming’ ซึ่งเป็นเทคนิคเพื่อรวบรวมทางเลือกและการแก้ปัญหาโดยเปิดโอกาสให้ทำการคิดอย่างอิสระและไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ในระหว่างการเสนอความคิด เพราะการวิพากษ์วิจารณ์จะเป็นการขัดขวางความคิดสร้างสรรค์กับเพื่อนๆ หรือบุคคลในกลุ่มที่ระดมสมองกันอยู่
- ฝึกแสดงความคิดเห็นในเชิงบวกหรือด้านที่ดีบ่อยๆ โดยอย่าไปกลัวที้จะล้มเหลวหรือเสียหน้า เพราะการเสนอความคิดเห็นไม่มีถูกหรือผิด มีแต่จะทำให้ตัวเองได้ฝึกใช้ความคิดมากขึ้น และเมื่อได้ฝึกคิดมากขึ้นก็จะทำให้มีความคิดสร้างสรรค์ได้ง่ายขึ้น
- เป็นคนที่มีทัศนคติแบบต้องการพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ต้องทำอนาคตให้ดีกว่าปัจจุบัน และทุกอย่างที่ทำเมื่อเห็นว่าดีหรือประสบความสำเร็จแล้ว ครั้งต่อไปจะต้องพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยวิธีการใหม่ๆ
สุดท้ายนี้ เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์
จากที่กล่าวมาข้างต้นเห็นไหมครับว่าการเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีนั้น ส่งผลดีต่อตัวเอง หน้าที่การงานและสังคมขนาดไหน และยังเป็นความสามารถที่มนุษย์ทุกคนมีติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ขึ้นอยู่กับว่าคุณให้ความสำคัญกับการฝึกฝนพัฒนาความสามารถนี้มากน้อยแค่ไหน ขอแค่มีความตั้งใจที่พัฒนาตัวเองในทุกๆ วันอย่างมีวินัย ตัวคุณก็สามารถเก่งขึ้นและมีความคิดสร้างสรรค์ได้ไม่ยากครับ
บทความล่าสุด
การจัดโต๊ะคอมให้สวยถูกใจ พร้อมฟังก์ชันการใช้งานครบครัน...
ในมุมมองหนึ่ง ‘ลูกคนกลาง’ ดูเหมือนจะต้องแบกรับภาระทางใจอันหนักอึ้ง...