หลายคนยังประสบปัญหากับการที่ยังค้นหาตัวเองไม่เจอ โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียนที่กำลังจะเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ซึ่งไม่สามารถตัดสินใจที่จะเลือกสาขาที่ตัวเองอยากจะเรียนได้จริง ๆ หรือในกลุ่มนักศึกษาที่กำลังจะสำเร็จการศึกษาและต้องก้าวเข้าสู่สังคมการทำงาน ก็ยังมีหลายคนที่ยังลังเล และไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองได้เรียนมา จะเป็นสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเองจริง ๆ หรือไม่ นอกจากนี้ก็ยังมีหลายคนที่ถูกคาดหวังจากหลายฝ่ายอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งคนวัยทำงานด้วย จนทำให้ตัวเราเกิดความสับสนในความเป็นตัวเองได้
วิธีหาตัวเองให้เจอ
การหาตัวเองให้เริ่มจากการสังเกตตัวเองว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร และให้โอกาสตัวเองในการลองอะไรใหม่ๆบ้าง กระบวนการสังเกตและเรียนรู้ตัวเองนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละคน เช่น การเข้าสังคมพูดคุยกับคนเยอะๆ หรือการพูดคุยกับตัวเองเพื่อหาสิ่งที่ชอบ
“ โตขึ้นอยากจะเป็นอะไร ” นี้คงเป็นคำถามที่ใครหลายคนมักจะได้ยินกันบ่อย ๆ ตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งในตอนนั้นเราอาจยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เรียกว่า อาชีพ มันคืออะไร ส่วนมากก็จะมีทางเลือกอยู่ไม่กี่ทางที่ถูกกำหนดมาให้เลือก อาทิเช่น หมอ พยาบาล ตำรวจ เป็นต้น เลยเกิดคำถามขึ้นว่า เรามีทางเลือกในอาชีพ หรือสิ่งที่เราอยากจะเป็นได้แค่นี้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ และมักจะมาพร้อมกับความคาดหวังที่อยากจะให้เราเป็น จนทำให้ในบางครั้งเราก็หลงคิดไปเองว่าเราก็อยากเป็น เพื่อให้คนที่เรารักสมหวัง
สรุปแล้วว่าเราเลือกอาชีพให้ใครพอใจกันแน่ ให้คนในบ้านพอใจ ให้ญาติ ๆ พอใจ ให้คนข้างบ้านพอใจ หรือให้สังคมพอใจ เพราะถ้าสุดท้ายแล้วเราเลือกเรียนในสาขา หรือสิ่งที่ทำให้ทุกคนพอใจ พวกเขาก็อาจจะยินดีกับคุณถ้าคุณสอบติด ยินดีกับคุณถ้าคุณได้รับใบปริญญา หรือยินดีกับคุณถ้าคุณได้งานทำ แต่หลังจากนั้นใครจะรับผิดชอบชีวิตของคุณ เชื่อว่าก็มีคนไม่น้อยที่เลือกทำให้คนรอบข้างพอใจ ทำให้คนรอบข้างมีความสุข แล้วเราก็ดันหลงคิดว่าตัวเองก็มีความสุข แต่นั่นมันเรียกว่า “ความสุข” ได้จริง ๆ หรือ
ถ้าคุณรู้สึกไม่มีความสุข แสดงว่ามันคือ ผลลัพธ์ในสิ่งที่คุณเลือกที่จะทำให้คนอื่นพอใจ ยกเว้นตัวคุณเอง ทำไมเราจะต้องรอให้เกษียณก่อนถึงจะสามารถทำในสิ่งที่รักได้ หลายคนอาจจะมีแบบอย่างที่ตัวเองอยากจะเป็น แต่ไม่เคยอยากที่จะเป็นตัวเองเลย ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ซึ่งมันมีหลายสาเหตุด้วยกัน อาจจะเป็นเพราะว่าคุณมีความพึงพอใจในตัวเองต่ำ หรือเป็นเพราะคุณยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองนั้นเป็นคนอย่างไร อยากจะทำอะไรกันแน่
สิ่งที่คุณจำเป็นที่จะต้องรู้ให้ได้ ถ้าอยากจะค้นหาตัวเองให้เจอมีดังนี้
คำถามเพื่อค้นหาตัวเอง
Q1 : คุณรัก และชอบอะไร
สิ่งแรกที่คุณต้องรีบค้นหาให้เจอเลยก็คือ คุณรักและมีความชื่นชอบในเรื่องอะไรเป็นพิเศษบ้าง และรู้สึกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของตัวเอง การที่คุณรัก หรือมีความชื่นชอบในบางสิ่งบางอย่างมาก ๆ มันหมายความว่า เรามีความเต็มใจที่พร้อมจะให้เวลาและความสนใจในเรื่องนั้น ๆ เป็นพิเศษ ซึ่งมันมักจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ออกมาดีเสมอ แน่นอนว่าตัวเองก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้น เมื่อเราได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและชื่นชอบตามที่ต้องการ
แต่ปัญหาก็คือหลายคนยังค้นหาตัวเองไม่เจอ และไม่รู้ว่าตัวเองรักและชอบอะไร หรือถนัดในเรื่องอะไรกันแน่ มีหลายคนที่เลือกเรียนตามที่พ่อแม่ต้องการ ทำงานก็ทำตามที่สังคมมองว่าเป็นงานที่ดี จนถึงจุดหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตตัวเอง และไม่รู้ว่าเป้าหมายชีวิตของตัวเองคืออะไรกันแน่ กว่าจะรู้ตัวก็เสียเวลาไปมากแล้ว
Q2 : คนส่วนใหญ่มักจะมาถามคุณเรื่องอะไร
การที่มีคนมาถามเรื่องอะไรกับเราบ่อย ๆ นั่นอาจจะหมายความว่า ถ้าหากพวกเขามีเรื่องที่สงสัยหรือไม่เข้าใจ พวกเขาจะมีความเชื่อมั่นในระดับหนึ่งว่า เราคือคนที่สามารถช่วยเหลือ หรือให้คำตอบแก่เขาได้นั่นเอง และนั่นแสดงว่าคุณจะต้องมีความรู้ หรือมีความเชี่ยวชาญในด้านนั้น ๆ ซึ่งตัวคุณเองก็อาจจะมองข้ามจุดแข็งของตัวเองในด้านนี้ไปโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้นหากคุณสามารถให้คำตอบในข้อนี้ได้ คุณก็จะสามารถเข้าใจถึงความสามารถบางอย่างที่คุณมีอยู่ และผู้คนรอบข้างก็คือคนที่มองเห็นความสามารถเหล่านั้นในตัวคุณ ซึ่งพวกเขาสามารถให้คำตอบนั้นกับคุณได้ เมื่อคุณรู้คำตอบแล้วมันก็ทำให้คุณเริ่มรู้จักเองมากขึ้นในอีกระดับหนึ่งแล้ว
Q3 : คุณแก้ปัญหาให้ใครได้บ้าง
แล้วทุกวันนี้คุณสามารถแก้ปัญหาอะไรให้ใครได้บ้าง ข้อนี้อาจจะดูคล้ายกับคำถามก่อนหน้านี้ แต่จริง ๆ แล้ว มันมีส่วนที่แตกต่างกันอยู่อย่างชัดเจน ถ้าหากมีคนมาถาม หรือให้คุณช่วยเหลืออะไรบางอย่าง แต่คุณไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับเขาได้ แสดงว่าสิ่งนั้นก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นตัวคุณ
ดังนั้น เมื่อลองคิดกลับกัน ในเมื่อคุณไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องนั้น ๆ ให้กับพวกเขาที่มาขอความช่วยเหลือจากคุณได้ แล้วคุณสามารถแก้ปัญหาเรื่องอะไร ที่นอกเหนือจากเรื่องนี้ได้บ้าง นี่จึงเป็นอีกหนึ่งโจทย์สำคัญที่คุณควรจะตอบตัวเองให้ได้ เพื่อใช้ในการค้นหาตัวเอง
หากคุณสามารถตอบคำถามทั้งสามข้อนี้ได้ในทันที ผมขอแสดงความยินดีด้วย เพราะผมเชื่อว่าคุณได้หาตัวเองเจอแล้ว คุณไม่จำเป็นที่จะต้องเสียเวลามานั่งอ่านเรื่องราวต่อจากนี้ แต่ถ้าไม่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ในทันที เพราะฉะนั้น ผมจึงอยากจะมาแบ่งปันวิธีที่จะช่วยให้คุณสามารถหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้ได้ ซึ่งมันจะทำให้คุณไม่ต้องคอยมาคอยสบสันและต้องเสียเวลาชีวิตไปกับการไม่รู้จักตัวเองไปมากกว่านี้
การหาเป้าหมายและค้นหาตัวเอง
#1 การตระหนักให้ได้ว่าคุณเป็นใคร ไม่ใช่อยากเป็นใคร
มีหลายคนที่มองข้ามความเป็นตัวเอง แล้วอยากจะเป็นคนอื่นที่ดีกว่า โดยที่มันอาจไม่ใช่สิ่งที่คุณถูกออกแบบมาให้เป็น นี่คือเหตุผลที่การรู้ว่าตัวเองเป็นใครจึงสำคัญมาก เมื่อคุณรู้ว่าคุณคือใคร มันจะทำให้คุณมีความมั่นใจมากขึ้น และรู้เป้าหมายของตัวเอง รวมถึงคุณอาจจะสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้กับโลกใบนี้ได้อีกด้วย
และถึงแม้ว่าจะมีหลายจุดในการเดินทางเพื่อช่วยให้คุณค้นพบตัวเอง วิธีที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นอาจจะเป็นการทดสอบบุคลิกภาพของตัวเอง การประเมินในลักษณะแบบนี้ อาจจะให้ผลลัพธ์ที่ไม่ได้สมบูรณ์หนึ่งร้อยเปอร์เซ็น แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เราสามารถรู้จุดแข็งของตัวเอง เพื่อให้สามารถมุ่งความสนใจไปที่การเปลี่ยนแปลงที่คุณตั้งใจจะนำมาสู่โลกใบนี้ได้
แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณเป็นใครและคุณควรทำอะไรในชีวิต นี่คือขั้นตอนเบื้องต้นที่คุณสามารถทำเพื่อที่จะให้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณ
- ย้อนกลับไปในวัยเด็ก ประสบการณ์อะไรที่น่าจดจำที่สุด
- ไอดอลของคุณคือใคร และทำไมคุณถึงชื่นชมคน ๆ นี้
- คุณค่าและความเชื่อหลักของคุณคืออะไร
- คุณควรตั้งเป้าหมายอะไรให้ตัวเอง
- คุณต้องการให้มรดกของคุณเป็นอย่างไร
#2 การอยู่เงียบ ๆ กับตัวเอง
คุณจะไม่สามารถรู้จักตัวเองได้เลย จนกว่าคุณจะใช้เวลาในการอยู่เงียบ ๆ กับตัวเอง หลายคนไม่รู้จักตัวเองเพราะความเงียบทำให้พวกเขากลัว ซึ่งมันจะรู้สึกอึดอัดเกินไปที่จะอยู่คนเดียวกับทุกข้อบกพร่องที่จ้องมองกลับมาที่ตัวพวกเขาเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องอยู่คนเดียวจนกว่าคุณจะรู้สึกโดดเดี่ยว แต่จงใช้เวลานั้นในการประเมินตัวเอง และแสดงให้เห็นว่าคุณสามารถที่จะแยกแยะมุมมองชีวิตของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านดี หรือด้านที่ไม่ดีก็ตาม ดังนั้นจงลองอยู่เงียบ ๆ กับตัวเองและค้นหาตัวตนที่แท้จริงของคุณดู
ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนชอบเข้าสังคม (extrovert) ผมก็คิดว่าการให้เวลาอยู่กับตัวเองบ้างก็ดีเช่นกัน (แต่อาจจะไม่ต้องทำบ่อยเท่าคนที่เป็น introvert)
#3 การค้นหาสิ่งที่คุณถนัดและไม่ถนัด
นี่อาจเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดในกระบวนการค้นหาว่าคุณเป็นใคร แต่เป็นขั้นตอนที่จำเป็น แน่นอนว่าต้องใช้การลองผิดลองถูกเพื่อค้นหาสิ่งที่คุณทำได้ดี และผมไม่อยากให้คุณยอมแพ้ก่อนที่คุณจะพยายามมันมากพอ แต่การได้รู้ว่าเมื่อไหร่ควรเลิกค้นหา เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเรียนรู้มัน
คุณควรจะเลิกเมื่อคุณยังมีเวลาเหลือ และความพยายามของคุณไม่ได้ให้อะไรตอบแทนกลับมาเลย หลายคนอาจสงสัยว่าอะไรคือเวลาที่เหลือ นั่นคือสิ่งที่คุณต้องตัดสินด้วยตัวเอง แต่เมื่อคุณสามารถเลิกได้อย่างเหมาะสม คุณก็จะไม่เกิดความรู้สึกท้อถอย และยังมีที่ว่างเหลือไว้สำหรับสิ่งที่ดีกว่า
เมื่อการกระทำของคุณไม่ได้ให้ผลลัพธ์อะไรเลย แต่กลับทำให้คุณต้องรู้สึกเหนื่อยเปล่า แทนที่จะสร้างความหลงใหลให้มากขึ้นและเพิ่มแรงผลักดันให้คุณทำสิ่งต่างๆได้มากขึ้น นั่นเป็นสัญญาณที่ดีว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมุ่งเน้นไปที่อื่น จุดแข็งของคุณจะแสดงให้คุณเห็นว่าคุณเป็นใคร
#4 การค้นหาสิ่งที่คุณหลงใหล
การทำตามสิ่งที่คุณหลงใหลนั้นเป็นเรื่องที่ดี และคุณต้องให้ความสนใจเมื่อมันมาถึง เพราะมันบ่งบอกถึงส่วนหนึ่งของชีวิตที่คุณจำเป็นต้องให้ความใส่ใจมากยิ่งขึ้น หากเรากำลังพูดถึงการทำตามความหลงใหลในการทำงานของคุณ ก็เป็นเรื่องที่ดี และถ้าเรากำลังพูดถึงการมีความหลงใหลในชีวิตมากขึ้นก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน
การมุ่งเน้นไปกับสิ่งที่ตัวเองหลงใหลมากขึ้น และสามารถเข้าใจตัวเองในทางที่ดีขึ้นได้ ทำให้คุณสร้างผลลัพธ์ต่าง ๆ ได้มากขึ้น ความหลงใหลนั้นก่อให้เกิดความพยายาม และความพยายามอย่างต่อเนื่องนั้นจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ตามมาในที่สุด
#5 การขอความคิดเห็นจากคนอื่น
หากคุณยังไม่รู้จักตัวเอง การได้ยินสิ่งที่คนอื่นพูดเกี่ยวกับตัวคุณก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่เป็นประโยชน์สำหรับการค้นหาตัวเองเช่นกัน อยากให้คุณลองถามสองคำถามนี้จากคนรอบข้างดู “คุณคิดว่าฉันต้องพัฒนาจุดแข็งอะไรต่อไป” และ “จุดอ่อนอะไรที่คุณคิดว่าฉันจะต้องแก้ไข”
แน่นอนว่าความคิดเห็นของพวกเขาเหล่านั้นจะไม่ได้สมบูรณ์แบบและให้คำตอบแก่คุณได้ครบถ้วน แต่ความคิดเห็นของพวกเขาอาจจะบ่งบอกถึงประเด็นบางอย่างที่คุณมองข้ามไปและควรได้รับการพิจารณา ซึ่งขั้นตอนนี้สำคัญอย่างเป็นอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่กำลังติดขัดในการค้นหาตัวเองให้เจอ บางครั้งคนที่อยู่ใกล้เราที่สุดสามารถมองเห็นบางสิ่งที่เราอาจมองไม่เห็นในตัวเอง
#6 การประเมินความสัมพันธ์ของคุณกับคนอื่น ๆ
ความสำคัญของการรู้จักตัวเองสามารถพบได้ในความสัมพันธ์ของคุณกับผู้คน เมื่อคุณรู้ว่าคุณจะไม่มีวันรู้จักใครอย่างแท้จริงจนกว่าคุณจะค้นพบตัวเอง ความสำคัญของการรู้จักตัวเองก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีคิดแบบนี้จะเป็นจริงสำหรับผู้นำทางธุรกิจ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณไม่รู้จักคนในทีมของคุณเอง คุณก็จะสูญเสียความเป็นผู้นำไป เป็นต้น แต่กฎนี้ก็ยังสามารถใช้กับความสัมพันธ์อื่น ๆ ในชีวิตของคุณได้อีกด้วย
#7 การเลิกฟังเสียงจากคนอื่น แล้วหันกลับมาฟังเสียงหัวใจของตัวเอง
หลายคนมักเกิดมาพร้อมกับความคาดหวังจากคนอื่น ๆ อยู่เสมอ ซึ่งผมมองว่ามันเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าความคาดหวังจากคนอื่น ๆ นั่นก็คือ ความฝันของตัวเราเอง ซึ่งก็คือ ความคาดหวังของตัวเราเองต่างหาก ที่เป็นสิ่งสำคัญที่เราควรจะใส่ใจ เพราะคนที่จะต้องอยู่กับสิ่งนั้นไปตลอดชีวิตก็คือตัวของเราเอง ไม่ใช่ใครอื่น
เพราะฉะนั้นเราต้องหยุดฟังเสียงของความคาดหวังจากคนรอบข้างที่คอยมาบอกให้เราต้องทำแบบนั้น ต้องเป็นแบบนี้ และควรหันกลับมาฟังเสียงของหัวใจตัวเองให้ดี ๆ ตัวเราต้องการทำอะไร และอยากเป็นแบบไหนกันแน่ อย่าให้คนนอกมาคอยบงการชีวิตของคุณ เพื่ออนาคตของตัวคุณเอง
แม้ว่าจะมีหลายคนที่พูดว่า “จงเป็นตัวของตัวเอง” ซึ่งฟังแล้วดูเป็นวลีที่พูดกันซ้ำซาก แต่มันกลับมีความสำคัญมาก สำหรับคนที่เขาต้องการค้นหาตัวเองให้เจอ แน่นอนว่าการรับฟังผู้อื่นนั้น เป็นสิ่งที่ดี แต่สุดท้ายแล้วคนที่จะตัดสินใจ และเลือกเส้นทางต่าง ๆ ในการใช้ชีวิต นั้นก็คือ ตัวคุณเอง ถ้าคุณยอมปล่อยตัวเองให้คนอื่นมาคอยชักจูงชีวิตของคุณ มันก็จะยิ่งทำให้การค้นหาตัวเองของคุณนั้น ยิ่งทำได้ยากเข้าไปอีก เนื่องจากคุณยอมให้เสียงของคนอื่นเข้ามามีอำนาจเหนือกว่าสิ่งที่คุณอยากจะเป็น
สุดท้ายแล้วการค้นหาตัวเองจำเป็นต้องใช้เวลาเท่าไรนั้น ไม่มีใครสามารถบอกได้ แม้ว่าในระหว่างทางจะมีเรื่องที่ไม่เข้าใจ หรือทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะว่ามันไม่มีอะไรมาเป็นตัวกำหนดว่าถูก หรือผิด ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลกับมัน ให้เชื่อมั่นในหัวใจของตัวเอง และจำไว้ว่าเราต้องรักตัวเองมากกว่ารักคนอื่น ให้จงเป็นตัวของตัวเอง โดยอย่ายอมให้ใครมาเปลี่ยนแปลงตัวตนของคุณ
บทความล่าสุด
การจัดโต๊ะคอมให้สวยถูกใจ พร้อมฟังก์ชันการใช้งานครบครัน...
ในมุมมองหนึ่ง ‘ลูกคนกลาง’ ดูเหมือนจะต้องแบกรับภาระทางใจอันหนักอึ้ง...