20 วิธีรับมือ เมื่อรู้สึกเฟลกับชีวิต หาความสุขให้ตัวเรา

20 วิธีรับมือ เมื่อรู้สึกเฟลกับชีวิต หาความสุขให้ตัวเรา

แน่นอนว่าการใช้ชีวิตในแต่ละวันที่เราต้องเผชิญกับเรื่องราวต่างๆ ทำให้เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรู้สึกที่ไม่พึงประสงค์ที่ทุกอย่าง เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องมีวิธีรับมือที่จะสามารถทำให้มันผ่านไปได้

20 วิธีรับมือ เมื่อรู้สึกเฟลกับชีวิต

บทความนี้จะเสนอรูปแบบการรับมือกับความรู้สึกเฟลในมุมมองต่างๆ ตั้งแต่เรื่องความรัก เรื่องเพื่อน เรื่องการงาน หรือแม้แต่เรื่องของตัวเอง สามารถเลือกหัวข้อให้เหมาะกับสถานการณ์ของแต่ละคนได้เลยครับ

5 วิธีรับมือ เวลารู้สึกเฟลกับความรัก

หลายคนที่ผิดหวังในความรัก ไม่ว่าจะโดนปฏิเสธ หรือเลิกรากันไปแล้วก็ตาม แต่ยังคงคิดเข้าข้างตัวเองหรือยังมีความรู้สึกเก่าๆ ที่แอบหวังว่าความรักจะสามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วอีกฝ่ายไม่ได้มีความสนใจ หรืออาจจะตัดใจไปนานแล้วก็ได้

1. การยอมรับความจริง

การยอมรับความจริงว่า เรื่องระหว่างเรากับเขานั้นได้จบไปแล้ว โดยไม่ต้องไปตั้งความหวังเขาจะกลับมาหาเรา หรือเรื่องราวจะกลับมาดีเหมือนเดิม หรือคาดหวังว่าวันข้างหน้าเราอาจจะได้กลับมาเริ่มต้นเรื่องราวรักครั้งใหม่กันอีกครั้ง และให้ตัดความหวังลมๆ แล้งๆ นั้นทิ้งไปเลย

อย่าปล่อยให้ตัวเองนั้นหลงใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งความฝันที่สร้างขึ้นมาเด็ดขาด เพราะการหลอกตัวเองไม่ยอมรับความจริงนั้น ไม่ได้ช่วยทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ดังนั้นคุณควรจะตื่นจากโลกแห่งความฝัน เพื่อเผชิญหน้ากับโลกแห่งความเป็นจริง

ถึงแม้ว่าความจริงจะแสนเจ็บปวดและทรมานมากแค่ไหน แต่มันจะทำให้เราไม่ต้องจมปลักกับความรู้สึกแย่ๆ ของความสัมพันธ์ที่จบไปแล้วแบบนี้ และอีกไม่นานความรู้สึกของเราก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ เอง ยิ่งยอมรับความจริงได้เร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งกลับลุกขึ้นมาได้เร็วเท่านั้น และสามารถที่จะเปิดรับผู้คนใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตได้เร็วขึ้น

2. การเบนความสนใจของตัวเอง

คุณมีสิ่งที่ทำแล้วมีความสุขรึเปล่า? ไม่ว่าจะเป็นการเสพสื่อเพื่อความบันเทิง อย่างการฟังเพลง ดูหนังที่ชอบ หางานอดิเรกทำ หรืออาจจะหันมาโฟกัสที่สุขภาพด้วยการออกกำลังกาย เล่นกีฬาที่ถนัด

ให้ทำสิ่งที่ตั้งใจอยากจะลองทำมาตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้เริ่ม เวลานี้ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้เริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ ไม่ควรจะอยู่เฉยๆ และปล่อยให้ความรู้สึกที่ยังคิดถึงคนๆ นั้นมารบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้นได้ ดังนั้น ควรหาสิ่งที่ชอบ และทำแล้วมีความสุข เพื่อไม่ให้ปล่อยเวลาอันมีค่าผ่านไปพร้อมกับความทุกข์ที่เราไม่จำเป็นต้องแบกรับเอาไว้

3. การใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนๆ ที่รักคุณ

เวลาที่คนเราผิดหวังในความรัก หลายคนอาจจะสร้างกำแพงที่ปิดกั้นตัวเองจากคนอื่นๆ โดยไม่รู้ตัว จนลืมไปรึเปล่าว่า คุณยังมีทั้งครอบครัวที่รักคุณ และยังมีเพื่อนฝูงที่พร้อมจะช่วยเหลือและเป็นแรงสนับสนุนให้สามารถเผชิญกับเรื่องที่คุณประสบอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบากนี้ได้ ดังนั้นคุณก็ควรที่จะกลับไปหาพวกเขา เล่าเรื่องให้พวกเขาฟัง ระบายความรู้สึกออกมา ซึ่งคนที่รักคุณก็จะพร้อมรับฟังคุณเสมอ

ใครกันที่คอยอยู่กับคุณในเวลาที่คุณทุกข์ ใจ หรือมีปัญหา?

จงชดใช้เวลาที่เสียไป โดยการอยู่กับคนเหล่านี้ และให้ความสำคัญกับพวกเขามากๆ และในขณะเดียวกันก็จะทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึง ความซาบซึ้งของคุณที่มีพวกเขาอยู่เคียงข้างเช่นกัน

4. การรักตัวเองเป็นอีกครั้ง

หลายคนก็อาจเคยโทษตัวเองว่า ตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้ความรักในครั้งนี้พังทลายลง หรืออาจจะคิดว่าถ้าตัวเองนั้นสวยกว่านี้ เก่งกว่านี้ ดีกว่านี้ ความสัมพันธ์ของเราก็คงจะไม่จบลงแบบนี้ หรือคิดว่าตัวเองถ้าหล่อกว่า ฉลาดกว่านี้ ฝ่ายนั้นก็คงจะกลับมาหาคุณ ซึ่งมันเป็นการทำร้ายตัวเองแบบไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่คุณไม่จำเป็นจะต้องรับผิดชอบในส่วนนั้นเลย

ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้รักในตัวตนที่แท้จริงของคุณ ต่อให้คุณจะพยายามจะเป็นคนอื่น เพื่อให้เขามารักคุณ แล้วความสัมพันธ์แบบนี้จะอยู่ไปได้นานสักแค่ไหนกัน มันเป็นวิธีที่ดูไม่เข้าท่าเลย คุณต้องการให้คนๆ หนึ่งมารักคุณ จนคุณยอมกลายเป็นคนอื่นไปเลยหรือ และหากคุณทำสำเร็จ แต่เขาก็ไปเจอคนที่ดีกว่าคุณอีกล่ะ คุณจะทำอย่างไร จะต้องกลายเป็นคนอื่นที่เขามองว่า ‘ดีกว่า’ อีกอย่างนั้นหรือ

5. การไม่ยึดติดกับอดีต

บางครั้งคนเรามักจะยืดติดกับความผิดพลาดในอดีต ความสัมพันธ์เก่าๆ กังวลมากเกินไป จนทำให้กลัวว่า ตนเองจะต้องผิดหวังและเจอกับความเจ็บปวดแบบนั้นอีก จึงเกิดการปิดใจไปโดยไม่รู้ตัว และทำให้โอกาสที่จะได้พบกับสิ่งดีๆ ก็ปิดไปด้วยเช่นกัน

ดังนั้น ไม่ว่าความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้จะลงเอยอย่างไรก็ตาม เราก็ควรที่จะให้โอกาสตัวเองได้พบเจอกับรักครั้งใหม่เสมอ อย่าไปกลัวว่า จะล้มเหลวเหมือนครั้งก่อนๆ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่ารักครั้งนี้ ในท้ายที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นอย่าเอาความผิดพลาดในอดีตมาปิดกั้นโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตเลย ให้ถือว่าเป็นโอกาสดีๆ ให้เราได้ลองแก้ตัวใหม่กับความรักในครั้งนี้

5 วิธีรับมือ เวลารู้สึกเฟลกับเพื่อน

การที่คุณจะรู้สึกผิดหวังกับเพื่อนสักคนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่แปลกเลย และการที่คุณสามารถเป็นเพื่อนกันได้ เพราะรู้สึกว่าคุยกันได้ในบางเรื่อง หรือหลายๆ เรื่องก็ไม่แปลก เป็นธรรมดาของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ที่เมื่อเรามีคนรู้จักที่คุยกันรู้เรื่อง สนใจอะไรเหมือนๆ กัน มีความคิดคล้ายๆ กัน เราก็จะตัดสินว่าคนๆ นั้นเป็นเพื่อนของเราไปเองโดยอัตโนมัติ แต่การเป็นเพื่อนกันก็ค่อนข้างลึกซึ้งไปกว่านั้น

หลายครั้งที่มีคนใช้คำว่า ‘ เพื่อน ’ ในการเรียกร้องหรือคาดหวังบางอย่างจากคนรู้จักรอบข้าง โดยหวังว่าคงจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะเราเป็นเพื่อนกัน

1. ตรวจสอบจุดยืนของตนเอง

เราอาจจะคิดว่าเขาเป็นเพื่อน กลับกันฝ่ายตรงข้ามอาจจะยังไม่ได้ยอมรับเราเป็นเพื่อนก็ได้ และการที่เรากระทำบางอย่างให้หรือการคาดหวังบางอย่างจากคนที่คิดว่าเป็นเพื่อน มันก็อาจจะได้ผลลัพธ์คนละแบบกับที่คาดหวังเอาไว้ ดังนั้น ก็ควรตรวจสอบสถานะกับจุดยืนก็ตัวเองให้แน่ใจก่อน

2. ทำความเข้าใจ และยอมรับ

แม้ว่าจะเพื่อนกันแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าต่างฝ่ายจะทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเอง ไม่ว่าจะสนิทกันแค่ไหนก็ตาม อย่างน้อยต่างฝ่ายก็ควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน พยามยามที่จะรับฟัง และเข้าใจซึ่งกันและกันทั้งสองฝ่าย ถ้ามีเรื่องที่ฝ่ายใดไม่สบายใจก็ควรตกลงทำความเข้าใจกันแต่แรก แล้วเราก็ต้องตัดสินว่ายอมรับได้หรือไม่ โดยไม่ฝืนตัวเอง ดังนั้นการที่รู้สึกผิดหวังกับเพื่อนนั้น อาจเป็นเพราะเรายังไม่รู้จักเพื่อนคนนั้นดีพอก็เป็นได้

3. เปิดใจคุยกัน

ถ้าหากยังไม่มั่นใจก็ลองเปิดใจคุยกันอีกครั้งก็เป็นวิธีที่ดีที่สุด และไวที่สุด ที่จะสะสางปัญหาหรือปมต่างๆ ที่ทั้งสองฝ่ายมีต่อกัน แต่ก็ต้องค่อยๆ คุยกันอย่างมีสติ ใจเย็นๆ โดยถามหรือแลกเปลี่ยนถึงประเด็นต่างๆ ที่มีปัญหาไปทีละเรื่องทีละประเด็น และเราก็ต้องเปิดใจรับฟังความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามอย่างตั้งใจเช่นกัน พร้อมทั้งร่วมกันหาทางออกที่ดีที่สุด

4. ปรึกษาคนรอบข้าง

หากยังไม่กล้าหรือยังไม่พร้อมจะเปิดใจคุยกัน และยังไม่รู้จะทำอย่างไรกับความรู้สึกแบบนี้ ให้ลองหาที่ปรึกษาที่พร้อมจะรับฟังปัญหากับความรู้สึกของเราในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนคนอื่นที่ไว้ใจได้ คนรักหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่างนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ เป็นต้น พวกเขาก็พร้อมที่จะรับฟัง และพร้อมที่จะช่วยกันหาทางออกที่ให้เสมอ

5. ปล่อยวาง

การที่เป็นเพื่อนกันในวันนี้ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นเพื่อนของคุณคนเดิมตลอดไป กาลเวลาผ่านไปคนก็สามารถเปลี่ยนได้เช่นกัน ตัวเราเองก็ใช่ว่าจะยังเป็นคนเดิมกับเมื่อก่อนได้ตลอด เพราะคนเรานั้นเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน เมื่อเรามีความรู้สึกผิดหวังอะไรบางอย่างในตัวเพื่อน แต่เราเลือกที่จะไม่สานต่อ แล้วเลือกถอยมาเอง เพื่อที่จะเติบโตขึ้นในเส้นทางของตัวเอง ก็ยังดีกว่าคอยมาให้ความสำคัญกับความรู้สึกแย่ๆ แบบนั้น

5 วิธีรับมือ เวลารู้สึกเฟลกับงาน

ในการทำงานนั้นเราก็มีโอกาสเจอเรื่องราวต่างๆ เข้ามามากมายผ่านการทำงาน แต่หลายครั้งก็อาจมีบางเรื่องที่สร้างความรู้สึกไม่สบายใจให้แก่เราอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

1. หาเวลาหยุดพักจากงาน

หากช่วงเวลาที่มีความรู้สึกเฟลกับเรื่องงานมากๆ เราก็มักจะไม่มีกะจิตกะใจที่อยากจะทำงานสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นลองหาวันหยุด หรือขอลางานสักวันสองวัน เพื่อจะได้พักผ่อนจากเรื่องงานบ้าง บางทีความรู้สึกนี้มันอาจจะเกิดจากการที่คุณทำงานจนเหนื่อยเกินไป ถ้าได้หยุดพักสักหน่อย พอหายเหนื่อยแล้ว ก็น่าจะสามารถกลับมาทำงานได้อย่างเต็มที่

2. ลดความกดตัวเองจากงาน

การทำตัวให้ยุ่งกับงานตลอดเวลา ไม่ได้ทำให้คุณดูเป็นคนขยัน หรือเอางานเอาการมากขึ้น แต่กลับทำให้คุณต้องเหน็ดเหนื่อยกับงานมากเกินความจำเป็น จนอาจทำให้กระทบกับการใช้ชีวิตมากเกินไป และถ้าเป็นแบบนั้นบ่อยๆ ก็จะทำให้เกิดความรู้สึกแย่ๆ ที่สะสมจากการหักโหมทำงานมากเกินไปได้

ดังนั้น ให้ลองลดความกดดันลง ทำงานแบบที่ไม่รู้สึกว่าหนักเกินไป ถ้าเวลายังเหลือก็ไม่จำเป็นเร่งด่วนให้เสร็จในรวดเดียว แต่ควรวางแผนและแบ่งเวลาให้เหมาะสม จะทำให้คุณภาพของงานออกมาดีด้วย

3.  ระบายความรู้สึกกับใครสักคน

หลายคนมักจะเก็บความรู้สึกที่ล้มเหลวผิดพลาดจากงาน ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ไม่ค่อยอยากจะให้คนอื่นได้รับรู้สักเท่าไหร่ เมื่อเก็บไว้คนเดียวนานๆ เข้า ก็จะยิ่งทำให้สภาพจิตใจนั้นย้ำแย่ลงไปด้วย จนอาจจะกระทบกับการดำเนินชีวิตอีกด้วย การที่ได้ระบายความรู้สึก หรือเล่าปัญหาที่สะสมไว้ในใจให้ใครสักคนที่เราไว้ใจได้ฟัง ทำให้เราไม่ต้องแบกรับความรู้สึกนั้นไว้คนเดียวอีกต่อไป และไม่ต้องมาค่อยกังวลเรื่องนี้ จนทำงานไม่ได้

4. ปรึกษาเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างานหรือฝ่ายบุคคล

ในการทำงานเมื่อเรารู้สึกไม่ดีต่อที่งานกำลังทำอยู่ ก็ย่อมจะส่งผลให้งานมีปัญหา หรือ หยุดชะงักลงได้ ดังนั้น การที่ได้ปรึกษากับคนที่เกี่ยวข้องกับงานที่ทำอยู่โดยตรงอย่างเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน หรือฝ่ายบุคคล ก็เป็นวิธีที่ดีในการร่วมกันหาทางออกของปัญหา หรือวิธีจัดการกับความรู้สึกที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานได้ดี เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับงานของเราด้วย จึงน่าจะสามารถให้คำแนะนำดีๆ จากประสบการณ์ที่เคยเจอมาได้เป็นอย่างดี

5. ลองเปลี่ยนงานใหม่

กรณีที่มีความรู้สึกเฟลกับงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันมากๆ ทำไมคุณไม่ลองหาอะไรใหม่ๆ ทำดูบ้างล่ะ เพราะมันจะไม่ทำให้คุณต้องทำแต่สิ่งเดิมๆ คิดเรื่องเดิมๆ เจอสังคมสภาพแวดล้อมแบบเดิมๆ จนทำให้คุณต้องรู้สึกแย่ๆ แบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ดังนั้น การลองเปลี่ยนงาน หรือหางานเสริมที่ตัวเองสนใจนั้นก็เป็นสิ่งที่ฟังดูน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ไม่แน่คุณอาจจะรู้สึกถูกชะตากับงานใหม่ของคุณ และอาจกลายเป็นงานที่สำคัญงานหนึ่งในชีวิตของคุณเลยก็ได้

5 วิธีรับมือ เวลารู้สึกเฟลกับตัวเอง

เมื่อคนเราฝันอยากจะทำอะไรสักอย่าง หรือต้องการมีอะไรบ้างอย่าง แล้วบางครั้งมันไม่ได้ราบลื่นอย่างที่คิด ก็เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกผิดหวังในตัวเองได้ ดังนั้นการหาวิธีรับมือกับความรู้สึกนั้นจึงสำคัญมาก

1. หาต้นเหตุของความรู้สึกให้เจอ

การหาที่มาของสาเหตุที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกเฟลกับตัวเอง และเลือกที่จะหลีกเลี่ยงต้นเหตุของมันก่อนนั้น จะเป็นตัวช่วยที่เราจะสามารถจัดการกับความคิดและความรู้สึกของตัวเองได้เป็นอย่างดี ดังนั้น การที่เรารู้และเข้าใจสาเหตุของการเกิดความรู้สึกแบบนี้กับตัวเองก่อน จะทำให้เราสามารถหลีกเลี่ยงการเกิดความรู้สึกที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นได้ในทุกสถานการณ์

2. เปลี่ยนมุมมองความคิด

การที่เรามีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้น แล้วยังไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกได้สักทีนั้น อาจเป็นเพราะเรายังมีความคิดและมุมมองแบบเดิมๆ และยังคงให้ความสนใจกับมันมากจนเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุที่ยังหาวิธีจัดการกับมันไม่ได้ ดังนั้น เราจะต้องหัดที่จะลองมองต่างออกไป และเปิดรับความคิดใหม่ๆ ที่จะทำให้เราไม่ต้องคอยให้ความสำคัญกับความรู้สึกแย่ๆ ที่เกิดขึ้นอีก

3. การเพิ่มความพึงพอใจในตนเอง

สาเหตุหลักๆ ส่วนใหญ่ของการเกิดความรู้สึกเฟลกับตัวเองนั้น เป็นเพราะการมีความพึงพอใจในตัวเองต่ำ อย่างการชอบดูถูกตัวเอง หรือเอาตัวไปเปรียบเทียบกับคนอื่นอยู่บ่อยๆ ซึ่งหลายคนมักจะเข้าใจผิดว่ามันคือการถ่อมตัว แต่มันกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และสุดท้ายตัวเราเองที่จะเป็นฝ่ายรู้สึกท้อแท้ และผิดหวังในตัวเองที่ไม่สามารถเป็นเหมือนคนอื่นๆ ได้ ดังนั้น หากเราจะมีความพึงพอใจในตนเองมากพอ เราก็จะไม่เกิดความรู้สึกที่ในทำนองที่ไม่พอใจกับตัวเองออกมา

4. การทำในสิ่งที่รัก

การทำในสิ่งที่รักดูจะเป็นอะไรที่ทำง่ายที่สุดแล้ว เพราะว่าเป็นสิ่งที่รัก จึงมีความอยากจะทำอยู่แล้ว โดยไม่รู้สึกว่าจะต้องใช้ความพยายามมากมาย เมื่อทำแล้วก็ยังมีความสุขอีกด้วย และยังจะช่วยทำให้เราเลิกสนใจกับความรู้สึกแย่ๆ ที่เกิดขึ้นได้ดีอีกด้วย

5. การออกไปยังสถานที่ใหม่ๆ

บางครั้งการอยู่แต่ในที่เดิมๆ หรือสิ่งแวดล้อมแบบเดิมๆ ก็ทำให้เราคิดอะไรไม่ออก จึงไม่สามารถหาวิธีจัดการกับความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นการออกไปยังสถานที่ใหม่ ได้เจอผู้คนใหม่ๆ สภาพแวดล้อมที่แตกต่างออกไป อาจทำให้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ และความรู้สึกแย่ๆ นั้น ก็จะถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่เข้ามา จนทำให้เราลืมความรู้สึกแย่ๆ เหล่านั้นไปเลยโดยไม่รู้ตัว

ไม่ว่าใครก็มีวันที่รู้สึกแย่กับชีวิตเป็นธรรมดา แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น มันขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกที่จะหยุดอยู่แค่นี้ และขุดหลุดฝังตัวเองไปพร้อมกับความรู้สึกนั้น หรือเลือกที่จะลุกขึ้นสู้ เปลี่ยนแปลงมันด้วยตัวเอง แล้วดำเนินชีวิตต่อไปด้วยความมั่นใจและความเข้มแข็งที่มากกว่าเดิมจากการที่คุณเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน

บทความล่าสุด