‘ปล่อยวางบ้าง’ เป็นคำพูดที่เราได้ยินบ่อยในสังคมครับ
ชีวิตแต่ละวันมีเรื่องให้ทุกข์มากมาย การปล่อยวางเลยกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากจะทำกันให้ได้
สมองเราถูกสร้างมาให้จำเรื่องแย่ๆเพื่อช่วยให้เราเรียนรู้และเลี่ยงปัญหาในอนาคต แต่เรากลับนำประสบการณ์พวกนั้นมาแปลเป็นเรื่อง ‘น่าอาย’ หรือ ‘น่าเสียดาย’ เราใช้อารมณ์ด้านลบพวกนี้ในการตัดสินใจ เหมือนกับว่าการยึดติดกับอารมณ์พวกนี้จะช่วยให้ทุกอย่างในชีวิตของเราดีขึ้น เรากดดันตัวเองและผู้อื่น ซึ่งนอกจากจะทำให้สุขภาพจิตและสุขภาพร่างกายเราแย่ลงแล้ว ยังทำให้คนรอบข้างของเรารู้สึกอึดอัดอีกด้วย
เคยมีคนพูดไว้ว่า ชีวิตที่เรียบง่ายตลอดเวลานั้นเป็นไปไม่ได้หรอก แต่เราคงต้องใช้เวลาในการยอมรับความจริงอันนี้ เราต้องใช้เวลาในการฝึกเพื่อที่จะยอมรับและปล่อยวาง และวิธีที่เราจะสามารถฝึกปล่อยวางได้มีดังนี้ครับ
ปล่อยวางเวลาหงุดหงิด
#1 เรียนรู้ทักษะใหม่ – หากเรารู้สึกว่าตัวเองทำได้ไม่ดีพอหรือทำอะไรชักช้า เราก็ควรหาทักษะใหม่ๆแทนที่จะจมอยู่กับทักษะเดิมๆที่คุณมีอยู่
#2 เปลี่ยนมุมมอง – เปลี่ยนวิธีมองว่าปัญหาคือโอกาสในการเรียนรู้แทน
#3 ร้องไห้ – งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้เขียนไว้ว่า การร้องไห้จะช่วยระบายสารเคมีแย่ๆที่เราสั่งสมในร่างกายเราจากความเครียดออกไป
#4 ใช้เรื่องที่ไม่พอใจเป็นแรงจูงใจในการทำอะไรดีๆ – หากเราไม่ชอบงานที่เรามีอยู่ เราก็อาจจะใช้โอกาสนี้ในการหางานใหม่หรือในการทำอาสาสมัครช่วยสังคม
#5 นั่งสมาธิหรือเล่นโยคะเพื่อให้เราอยู่กับปัจจุบัน – การทำสมาธิหรือเล่นโยคะจะช่วยให้เราเลิกยึดติดกับอดีตและกังวลเรื่องอนาคต
#6 จดลิตส์ความสำเร็จแต่ละอย่างของคุณ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ และ พยายามเขียนเพิ่มทุกวัน – การดูความสำเร็จของเราจะทำให้เรามองโลกในแง่ดีมากขึ้นและจะผลักดันให้เรามีกำลังใจในการทำทุกอย่างให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
#7 สร้างภาพกล่องในสมองของคุณที่มีป้ายคำว่า ‘ความคาดหวัง’ – เมื่อไรที่คุณเริ่มคิดเรื่อง ‘สิ่งที่ควรที่จะเป็น’ หรือ ‘สิ่งที่คุณควรได้รับ’ ให้เอาความคิดพวกนี้ไปใส่ไว้ในกล่องความคาดหวังในใจของคุณ
#8 ออกกำลังกาย – การออกกำลังช่วยลดฮอร์โมนที่ทำให้คุณรู้สึกเครียดและเพิ่มเอ็นดอร์ฟินที่เป็นสารเคมีกระตุ้นความคิดในแง่บวก
#9 ลงพลังงานไปกับสิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้แทน – แทนที่จะใช้เวลากับความคิดกับเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้ เราควรลงพลังงานพวกนี้ไปกับสิ่งที่อยู่ในการควบคุมของเรา
#10 ปลดปล่อยความคิดของคุณผ่านความคิดสร้างสรรค์ เช่นการเขียนบล็อกหรือการวาดภาพ – ใส่กิจกรรมพวกนี้ไปในรายการสิ่งที่ต้องทำได้เลยครับ บางครั้งความคิดแนวลบของเราก็เป็นแรงจูงใจในเชิงศิลปะได้ดีมาก
ปล่อยวางความโกรธและความอิจฉา
#11 ยอมรับความรู้สึก – หากคุณเมินความรู้สึกตัวเอง บางทีความรู้สึกพวกนี้ก็อาจจะ ‘รั่วออกมา’ ข้างนอกและส่งผลถึงคนรอบข้างของคุณ สิ่งที่แย่กว่านั้นก็คือบางทีคนที่ได้รับผลกระทบไม่ใช่คนที่ทำให้คุณรู้สึกโกรธหรืออิจฉาตั้งแต่แรก ก่อนที่คุณจะสามารถปล่อยวางความรู้สึกได้ คุณต้องทำความเข้าใจและรับรู้ความรู้สึกพวกนั้่นก่อน
#12 จัดเวลาให้ตัวเองเพื่อ ‘บ่น’ – ปล่อยให้ตัวเองรู้สึกโมโหหรือบ่นไปซักหนึ่งวันก่อนที่จะประเชิญกับปัญหาหรือคนที่สร้างปัญหา วิธีนี้จะช่วยให้คุณโมโหน้อยลงและเป็นการเผื่อเวลาให้สมองคุณประมวลเหตุผลกับสถานการณ์ที่แท้จริงด้วย
#13 จำไว้ว่าความโกรธทำร้ายคุณมากกว่าคนที่ทำให้คุณโมโหซะอีก – ให้คิดภาพความโกรธละลายหายไปเป็นของขวัญที่คุณจะทำให้ตัวเอง
#14 ถ้าเป็นไปได้ ให้บอกคนที่ทำให้คุณโมโหว่าคุณโกรธ – การอธิบายความรู้สึกของคุณจะทำให้คุณสามารถยอมรับความรู้สึกตัวเองได้ง่ายขึ้น จำไว้ว่าคุณไม่สามารถควบคุมได้ว่าอีกฝ่ายจะพูดหรือทำตัวยังไง แต่คุณสามารถควบคุมตัวเองและควบคุมวิธีที่คุณจะแสดงอารมณ์ออกมาได้
#15 แสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่เราทำไว้ – หลายครั้งที่เราโกรธเราจะโฟกัสแต่กับสิ่งที่คนอื่นทำผิด ซึ่งก็เท่ากับว่าเรายกอำนาจในการแก้ปัญหาให้กับคนอื่น หากเราโฟกัสกับสิ่งที่เราน่าจะทำได้ดีขึ้นแทน เราก็จะรู้สึกว่าสถานการณ์อยู่ในความควบคุมของเรามากขึ้น เราจะรู้สึกขมขื่นน้อยลง
#16 ทำความเข้าใจคนที่ทำให้คุณโกรธ – ทุกคนสามารถทำผิดได้ ในความเป็นจริงก็คือคุณก็มีโอกาสพูดผิดหรือพูดจาทำร้ายคนอื่นได้พอๆกับแฟน ครอบครัว หรือเพื่อนของคุณ การเข้าใจและเห็นอกเห็นใจช่วยลดความโกรธได้เสมอ
#17 โยนมันทิ้งไป…จริงๆ – ยกตัวอย่างเช่นการเอาลูกเทนนิสมายัดใส่กระเป๋าเป้ วันไหนที่เรารู้สึกหงุดหงิดมากๆก็ให้หาที่โยนลูกเทนนิสทีละลูก ให้เราถือว่าลูกเทนนิสแต่ละลูกเป็นตัวแทนความโกรธของคุณ บางครั้งเราก็ต้องหาวิธีปลดปล่อยอารมร์เราบ้าง
#18 หาของเล่น squishy นุ่มๆแล้วบีบมันแรงๆ – บางทีการเล่นของเล่นตอนโกรธก็อาจจะดูติ๊งต๊องไปบ้างแต่ Squishy ก็เป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ที่ดูน่ารักดีครับ
#19 คล้องหนังสติ๊กไว้ที่แขนแล้วให้ดึงหนังสติ๊กทุกครั้งที่คุณรู้สึกโมโห – การลงโทษตัวเองเป็นวิธีสอนให้ใจของเราเลิกที่จะยึดติดกับสิ่งที่ไม่ดี แต่ถ้าเลือกใช้วิธีนี้ก็อย่าทำให้เจ็บมากเกินไปนะครับ
#20 จำไว้ว่าคุณมีตัวเลือกหลายอย่างเสมอ – ตัวเลือกของคุณก็คือการเอาตัวเองออกจากสถานการณ์ที่ไม่ดี การเปลี่ยนสถานการณ์ และการยอมรับสถานการณ์ วิธีพวกนี้สามารถสร้างความสุขให้เราได้ แต่การยึดติดกับเรื่องแย่ๆไม่มีประโยชน์อะไรกับเราเลย
ปล่อยวางความรัก
#21 ให้คิดถึงสิ่งที่คุณได้มาจากประสบการณ์ครั้งนี้ – จะทำให้คุณรู้สึกว่าทุกอย่างถูกสะสางแล้วได้ง่ายกว่า
#22 เขียนสิ่งที่คุณอยากพูดลงในจดหมาย – ต่อให้คุณเลือกที่จะไม่ส่งจดหมายนี้ออกไป มันก็จะช่วยคุณอธิบายและปลดปล่อยความรู้สึกของคุณออกมาได้ง่ายขึ้น มันทำให้คุณยอมรับความเป็นจริง
#23 จำทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี – ไม่ว่าตอนนี้คุณจะรู้สึกยังไง สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตมีทั้งเรื่องดีและไม่ดี การยอมรับทั้งข้อดีข้อเสียของประสบการณ์นี้จะช่วยลดความรู้สึกสูญเสียไปใด้
#24 เลิกมองทุกอย่างเป็นเรื่องโรแมนติก – ถ้าคุณคิดว่าคุณเสีย ‘คู่ชีวิต’ ไป ยังไงคุณก็ต้องเสียใจมากแน่ๆ แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณสามารถหาความรักใหม่ที่เยี่ยมยอดหรือดีกว่าได้อีกครั้ง มันก็จะง่ายกว่าที่คุณจะเริ่มต้นใหม่
#25 คิดภาพตัวคุณที่โสดและสุดยอด – คนที่คุณเคยเป็นก่อนที่จะเจอคนรักที่ผ่านมา คนๆนั้นเป็นคนที่สุดยอดมากและคุณก็มีโอกาสจะกลับไปเป็นคนนั้นได้อีกรอบ
#26 สร้างสภาวะที่เหมาะสมกับความเป็นจริง – เลิกเก็บภาพรูปคู่หรือภาพของแฟนเก่าไว้ ลบข้อมูลติดต่อทั้งหมดออกจากมือถือ
#27 ให้รางวัลตัวเองทุกคร้้งที่คุณยอมรับได้นิดหน่อย – ไม่ว่าจะเป็นการออกไปชอปปิ้งหรือการหาของกินอร่อยๆ บางคนอาจจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนหลังจากเก็บความทรงจำเก่าไว้ในกล่องแล้ว
#28 แปะป้ายนี้ไว้ที่ที่คุณสามารถเห็นได้ง่าย – ‘การรักตัวเองหมายถึงการปล่อยวาง’
#29 แทนอารมณ์ความรู้สึกด้วยความเป็นจริง – หากคุณมีความคิดว่า ‘คงไม่สามารถใครได้ดีกว่านี้อีก’ หรือ ‘ไม่สามารถรักใครได้อีก’ คุณไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความรู้สึกของตัวเอง แต่ควรที่จะเปลี่ยนไปคิดเรื่องปัจจุบันแทนเช่น ‘วันนี้เราจะร้องเพลงอะไรในคาราโอเกะดีนะ’
#30 ลดความน่าเชื่อถือของเสียงในหัวเรา – นักจิตวิทยาคนหนึ่งเคยแนะนำไว้ว่า ถ้าเราเปลี่ยนเสียงในหัวของคุณให้เป็นเสียงการ์ตูนต่างๆ คุณก็จะลดความน่าเชื่อถือของความคิดและเสียงพวกนั้นได้
ปล่อยวางความกดดัน
#31 ฝึกวิธีหายใจ – การฝึกวิธีหายใจก็เหมือนกับการนั่งสมาธิ เป็นหนึ่งในวิธีสร้างสติและอยู่กับปัจจุบัน
#32 เข้าสังคมและเข้าร่วมกิจกรรม – หาเวลาที่จะมีความสุขกับคนรอบข้างเราให้มากขึ้น การที่เราโฟกัสกับคนอื่นจะทำให้เราเห็นมุมมองอะไรใหม่ๆมากกว่าการจมอยู่กับปัญหาของตัวเอง
#33 การกังวลช่วยให้ประโยชน์อะไรเราได้ไหม – การกังวลดูเหมือนและทำให้เรารู้สึกว่ามันน่าจะสำคัญ แต่จริงๆแล้วมันไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรเท่าไรหรอครับ การที่เราถามตัวเองเรื่องประโยชน์ของการกังวลจะทำให้เรารู้สึกง่ายขึ้นเวลาปล่อยวาง
#34 ปล่อยอารมณ์ออกมา…จริงๆ – ให้คุณเขียนเรื่องทุกอย่างที่คุณกังวลเอามาลงในกระดาษ แล้วเอากระดาษนั้นจะเผาทิ้งได้เลย
#35 แบ่งเวลาให้กับสิ่งที่ทำให้เราสุขมากขึ้น – เมื่อไรที่คุณรู้สึกว่าความคิดของคุณทำให้คุณรู้สึกเครียด ให้ลองเปลี่ยนมุมมองและความคิดมาเป็นเรื่องที่ทำให้คุณรู้สึกสนุกหรือมีความสุขแทน คนอาจจะเปลี่ยนมาคิดเรื่องสิ่งที่คุณชอบหรืองานอดิเรกของคุณก็ได้
#36 พักผ่อนอบซาวน่า – เคยมีงานวิจัยวิเคราะห์ไว้ว่าคนที่ไปซาวน่าอย่างน้อย 2 ครั้งต่ออาทิตย์ เป็นเวลาประมาณ 10-30 นาทีต่อครั้ง จะรู้สึกเครียดน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ไปซาวน่า เดี๋ยวนี้ฟิตเนสนะที่มีบริการให้คุณซาวน่า เพราะฉะนั้นนอกจากจะได้ออกกำลังกายแล้วคุณยังสามารถลดความเครียดผ่านทางวิธีอื่นได้ด้วย
#37 จินตนาการชีวิตคุณในอีก 10 ปีต่อมา – ปัญหาหลายอย่างอาจจะดูยิ่งใหญ่ในเวลานี้ ถ้าเราปรับมุมมองไปคิดเรื่อง 10 ปี ปัญหาอาจจะไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้นก็ได้ หรือไม่ก็ดูในอีก 20 ปี ปีหรือ 30ปีในอนาคตไปเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามทุกอย่างดูเล็กหมดไหนกาลเวลาอันยาวนานครับ
#38 จัดโต๊ะทํางาน – มีนักเขียนและนักพฤติกรรมศาสตร์หลายคนวิเคราะห์ไว้ว่าการที่เราสามารถทำสิ่งง่ายๆสำเร็จ ไม่ว่าจะเล็กแค่ไหนก็ตาม ก็จะทำให้เรารู้สึกว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมมากขึ้น และช่วยลดความเครียดของเราได้
#39 ทำอันไหนได้…ก็ทำให้หมด – ให้คุณเขียนมา 2 ลิตส์ ลิตส์แรกเป็นรายการรวมปัญหาทั้งหมดที่ทำให้คุณเครียด และลิตส์ที่สองเป็นรายการรวมขั้นตอนทั้งหมดที่คุณควรจะทำเพื่อแก้ปัญหานั้นๆ หลังจากที่คุณทำรายการที่ 2 ครบทุกอย่างแล้ว ให้คิดภาพว่าความเครียดของคุณในรายการแรกหมดไปเรื่อยๆ
#40 หัวเราะ – การหัวเราะมีประโยชน์หลายอย่าง ว่าจะเป็นการลดความตึงเครียด การพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายกับ หรือแม้แต่การช่วยลดความเจ็บปวด หากคุณเป็นคนยุ่งและไม่สามารถหาเวลาพักผ่อนได้นาน ก็ให้ดูวีดีโอตลกๆใน YouTube สัก 10 นาทีก็พอครับ
ลิตส์ที่ผมเขียนมาอาจจะดูยาวไปนิด แต่ผมก็หวังว่ามันจะมีประโยชน์นะครับ ไม่ทราบว่าทุกคนมีวิธีแก้ความเครียดหรือวิธีปล่อยวางแบบไหนกันบ้าง และมีจุดไหนในชีวิตที่คุณต้องฝึกปล่อยวางเป็นพิเศษไหมครับ? คอมเม้นข้างล่างกันได้นะ
บทความล่าสุด
การจัดโต๊ะคอมให้สวยถูกใจ พร้อมฟังก์ชันการใช้งานครบครัน...
ในมุมมองหนึ่ง ‘ลูกคนกลาง’ ดูเหมือนจะต้องแบกรับภาระทางใจอันหนักอึ้ง...