‘ความสุขจากการไม่ยึดติด’ พูดง่าย แต่จะทำจริงยังไงนะ

'ความสุขจากการไม่ยึดติด' พูดง่าย แต่จะทำจริงยังไงนะ

อย่ายึดติดเป็นคำแนะนำที่พูดง่าย…แต่ทำยาก บางครั้งคนที่แนะนำเราก็ยังไม่สามารถปล่อยวางได้ดีขนาดนั้นด้วยซ้ำ 

แต่ถึงแม้ว่าการไม่ยึดติด การปล่อยวางเป็นเรื่องยาก ‘สติที่จะไม่ยึดติด’ ก็เป็นสิ่งที่เราควรฝึกฝนเรื่อยๆ เพราะไม่อย่างนั้นเราก็จะตกอยู่ในสภาวะ ‘ไม่มีความสุข’ ตลอดเวลา ซึ่งในฐานะมนุษย์แล้ว ‘ความสุข’ ก็เป็นสิ่งที่เรามีสิทธิ์ที่จะได้รับเสมอ

ในบทความนี้เรามาดูกันว่า คำพูด ‘อย่ายึดติด’ หมายถึงอะไร และ ความสุขจากการไม่ยึดติดนั้นต้องฝึกฝนอย่างไรบ้าง

อย่ายึดติด หมายถึงอะไร – ความสุข จากการไม่ยึดติด

การไม่ยึดติดหมายถึงการให้หัวใจของเราเป็นอิสระจากความทุกข์และความกังวล เราสามารถฝึกการปล่อยวาง ไม่ยึดติดได้จากการฝึกสติ พาตัวเองมาอยู่กับปัจจุบัน เมื่อตัวเองเริ่มเศร้ากับอดีตหรือวิตกกังวลเรื่องอนาคต 

หมายถึงการที่ไม่นำเรื่องหรือประสบการณ์ที่ไม่ดีมารบกวนความสามารถในการมีความสุขของตัวเอง

ความทุกข์ ความกังวลสามารถมาได้จากหลายสาเหตุ ทุกคนมีภาระไม่เท่ากัน อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกัน และ มีข้อจำกัดต่างกัน หมายความว่าความทุกข์ของเราและความสุขของคนอื่นอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ สิ่งที่เราทุกข์คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจ หรือไม่เคยเจอมาก่อน

แต่ถึงแม้ว่า ‘ความไม่เท่าเทียม’ นี่จะทำให้เรายึดติดกับอะไรไม่เท่ากันและไม่เหมือนกัน ‘วิธีหลุดพ้น’ จากความทุกข์ความกังวลก็เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถฝึกฝนกับเรียนรู้ได้ ความสุขจากการไม่ยึดติดเป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้

อย่างไรก็ตาม ‘สติที่จะไม่ยึดติด’ ก็เป็นสิ่งที่เราต้องฝึกฝนเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าเราสามารถไม่ยึดติดกับรถยนต์ ใจของเราก็อาจจะยังยึดติดกับเงิน กับบ้าน กับความรัก หมายความว่าการไม่ยึดติดที่เราเคยเรียนรู้มาสำหรับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อาจจะไม่สามารถใช้กับอีกสิ่งได้…ใช่ครับ ที่พูดกันว่า ‘อย่ายึดติด’ นั้นเป็นการฝึกฝนชั่วชีวิตเลยทีเดียว

เรามาดูกันว่าการไม่ยึดติดกับสิ่งต่างๆ ตั้งแต่วัตถุดิบสิ่งของ และ ความรัก นั้น ฝึกฝนกันได้อย่างไรบ้าง

อย่ายึดติดกับวัตถุและสิ่งของ

วัตถุและสิ่งของต่างๆเป็นสิ่งที่ยากที่จะไม่ยึดติด โดยเฉพาะในกรณีที่เราได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อให้ได้สิ่งของนั้นมา ในส่วนนี้ความทุกข์จากการยึดติดจะมาในสองแบบ คือความอยากได้ในสิ่งที่ไม่มี และ ความกลัวที่จะเสียสิ่งที่เรามีไป

อย่างไรก็ตามขึ้นชื่อว่าวัตถุและสิ่งของ ส่วนมากแล้วของพวกนี้ล้วนมี ‘อายุ’ ของตัวเอง อาจจะเป็นกระเป๋าที่ใช้ได้หลายปี รถยนต์ที่ใช้ได้สิบปี หรือบ้านที่ใช้ได้หลายๆสิบปี เรามีช่วงที่ยึดติดแต่ซักวันเราก็อาจจะต้องสูญเสียของพวกนี้ไปอยู่ดี ความสุขจากวัตถุและสิ่งของเป็นสิ่งที่อยู่ได้ไม่นาน เดี๋ยวก็จะเสื่อมสภาพ เสื่อมคุณค่า 

สติและการยอมรับคือสิ่งแรกที่เราควรฝึก หากเรารู้ตั้งแต่แรกว่าของทุกอย่างมีวันหมดอายุ เราก็จะสามารถ ‘มีความสุขกับช่วงที่เรามีของสิ่งนั้น’ และ ทำใจได้เวลาที่หมดอายุการใช้งาน ในขณะเดียวกันเราก็ควรลด ‘ความต้องการ’ ของตัวเองลง เช่นการเปรียบเทียบกับคนอื่น การเปรียบเทียบกับอดีต หรือการเปรียบเทียบกับอนาคตในฝัน การมีสติคือการอยู่กับปัจจุบัน 

อีกหนึ่งวิธีที่จะไม่ยึดติดกับวัตถุสิ่งของก็คือการให้ คนส่วนมากทุกข์กับปัญหาในใจตัวเองจนลืมที่จะคิดถึงปัญหาของคนรอบข้าง การให้เป็นการเตือนตัวเองเสมอว่าอย่าทำให้อีโก้ตัวเองใหญ่เกินกว่าความสำเร็จ บางครั้งปัญหาการยึดติดของเราอาจจะไม่ได้สำคัญเท่าปัญหาที่คนอื่นกำลังเจออยู่ หลายคนค้นพบความสุขจากการช่วยเหลือและการให้คนอื่น เป็นความอิ่มสุขที่วัตถุไม่สามารถให้ได้

อย่ายึดติดกับความรัก

ทุกวันนี้ คำถามว่า ‘รักแบบไม่ยึดติดมีจริงหรือเปล่า’ ก็ยังเป็นสิ่งที่ตอบยาก เพราะคำว่าความรักก็ยังไม่มีนิยามที่ชัดเจน ความรักมีหลายรูปแบบ เช่นความหลง ความอยากครอบครอง หรือความห่วงใย แต่จะมีสักกี่คนในโลกที่สามารถแยกแยะความรู้สึกตัวเองได้อย่างชัดเจนขนาดนี้ คนส่วนมากก็คงอยู่ระหว่างนิยามความรักหลายๆอย่าง 

คำถามถัดมาก็คือ หากเรานำความคาดหวังออกจากความรักไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่จะเรียกว่าความรักได้หรือเปล่า หมายความว่าสามีจะสามารถรักภรรยาได้ โดยไม่คาดหวังอะไรจากภรรยาเลยได้หรือเปล่า 

คำถามนี้ตอบได้ยากมาก แต่เหมือนว่าสิ่งที่คนมักพูดกันก็คือ การมีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่ คือการหันมาใส่ใจกับการทำเพื่ออีกฝ่าย มากกว่าการขอหรือการคาดหวังอะไร… ซึ่งในทางปฏิบัติก็ทำได้ยาก บางครั้งการนำความคาดหวังออกไปจากความรัก สิ่งที่เหลืออยู่ก็จะมีแค่ความเฉยชา 

ความรักแบบไม่ต้องคาดหวังเลยทำได้ยาก แต่ไม่ได้แปลว่าจะทำให้ดีขึ้นไม่ได้ ตามธรรมชาติแล้วทั้งความรัก ทั้งผู้คนก็เป็นสิ่งที่ไม่จีรัง ในมุมมองนี้สักวันหนึ่งทุกอย่างก็ต้องมีการจบ ต่อให้ใจของเราไม่อยากให้จบแต่ความเป็นจริงแล้วเราเลี่ยงไม่ได้ 

สติที่จะไม่ยึดติดกับความรัก ก็คือสติที่พยายามจะเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ ธรรมชาติของอารมณ์ มุมมองเป็นสิ่งที่ปรับกันได้ แล้วมุมมองที่ดีที่สุดก็คือการให้ความสำคัญกับความสุขมากกว่าความทุกข์ 

‘เวลาและอายุ’ เป็นคำตอบที่ดีของเรื่องนี้ ต่อให้ต้องพรากจากกัน หากมองย้อนหลังไปแล้วก็ยังมีความทรงจำดีๆอยู่เสมอ

อย่ายึดติด ชีวิตต้องปล่อยวาง

สุดท้ายนี้เราก็จะเห็นได้ว่าความสุขในชีวิตนั้นถึงแม้จะทำได้ยากแต่ขั้นตอนก็ไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น หากเรารู้จักที่จะปล่อยวาง อย่ายึดติดกับวัตถุและสิ่งของ อย่ายึดติดกับความรัก เราก็จะสามารถสร้าง ‘ความสุขจากการไม่ยึดติด’ ได้

ข้อแนะนำแรกก็คือการฝึกสติของตัวเอง สามารถทำได้จากการจับอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดของตัวเอง ทั้งในเวลาที่เรามีความสุขและในเวลาที่เรามีความทุกข์ เราสามารถรู้จักตัวเองแล้วก็จะสามารถเข้าใจและยอมรับได้ง่าย หรือเราอาจจะฝึกที่จะนั่งสมาธิ ทำสมาธิ เป็นการทำใจให้ว่าง และช่วยให้เรารับรู้ตัวเองรับสถานการณ์รอบด้านได้ง่ายขึ้น

ผมคิดว่าธรรมชาติของมนุษย์ ถูกสร้างมาให้คิดมาก ให้ระหวาดระแวง ให้คิดถึงอดีต เพื่อที่จะทำให้เราเรียนรู้จากสิ่งเหล่านั้น และตัดสินใจกับปัจจุบันให้ดีขึ้น แต่ธรรมชาติก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้นมนุษย์เราก็เลยยังทุกข์อยู่กับสิ่งที่ยึดติดหลายๆอย่าง หลายสิ่งที่อาจจะทำให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นได้ก็กลายเป็นทำให้เราทุกข์ใจ กังวลใจ จนทำอะไรไม่ถูก หรือตัดสินใจอะไรผิดๆเสมอ

วิธีที่จะปล่อยวาง เรียนรู้ที่จะอยู่กับปัจจุบันนั้นมีอยู่มากมาย ผมแนะนำให้ทุกคนลองศึกษาดูนะครับ หรือจะอ่านบทความที่ผมเขียนเรื่องพวกนี้ก็ได้

บทความล่าสุด