8 อาการของคนหมดรัก (ที่เราต้องรีบสังเกต)

8 อาการของคนหมดรัก (ที่เราต้องรีบสังเกต)

“ทำไมคนเราถึงหมดรักกัน ? ” คำตอบคงยากพอๆ กับถามว่า “ทำไมเราถึงตกหลุมรัก ? ” ในเมื่อความรักเป็นเรื่องนามธรรม หากแต่ความรักเป็นความรู้สึกที่ถูกแสดงออก ทำให้เราสามารถสังเกตได้ว่า ตอนนี้ความรักคงอยู่ในสภาวะไหนจากพฤติกรรมหรืออาการที่คู่รักแสดงออกต่อกัน 

เมื่อครั้งรักกันแรกๆ เขาแสดงออกให้เรารู้ว่าเขารักเรามากแค่ไหน ความรักเบ่งบานเต็มไปด้วยฟิลเตอร์สีชมพู แต่ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ รวมถึงสิ่งที่คนรักของเราแสดงออกมา แล้วอาการแบบไหนกันนะ ที่บ่งบอกว่านี่คืออาการของคนหมดรัก ที่เราจะสามารถใช้สังเกตตัวเองและคนรอบข้างได้

8 อาการของคนหมดรัก (ที่เราต้องรีบสังเกต)

1. เฉยชากับความทุกข์หรือความสุขของอีกฝ่าย

เมื่อคนรักเรามีความสุขเราก็จะมีความสุขไปด้วย เมื่อเขามีความทุกข์เราก็จะกระวนกระวายทุกข์ใจไปด้วย ความรู้สึกของอีกฝ่ายมีผลต่อความรู้สึกของเรา แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างแฟนไม่ได้ทานข้าวเช้าไปทำงาน คุณก็จะนึกเป็นห่วงว่าเขาจะปวดท้องไหมนะ? เมื่อแฟนมีปัญหาทำให้ทุกข์ใจ คุณก็จะทุกข์ใจไปด้วย

คุณรู้สึกว่าปัญหาของคนรักก็เหมือนกับปัญหาของคุณ แต่เมื่อไหร่ที่คุณไม่รู้สึกทุกข์ร้อนกับความทุกข์ของคนรัก หรือไม่รู้ยินดีที่เห็นคนรักมีความสุข ความรู้สึกเฉยชานี้ แปลว่าความรู้สึกของคุณไม่เชื่อมโยงกับความรู้สึกของอีกฝ่ายแล้วหรือเปล่า? คุณอาจจะหมดรักไปแล้วก็เป็นได้

2. ไม่อยากเจอหรือไม่เจอก็ไม่เป็นไร

ช่วงนี้คุณเจอคนรักบ่อยหรือเปล่า? เป็นการพบเจอที่ถูกกระตุ้นจากความรู้สึกโหยหาหรือเพราะเป็นแฟนกันจึงเป็นเหตุผลให้คุณไปเจอคนรัก เมื่อคุณตกหลุมรักสารเคมีในสมองจะหลั่งออกมา ซึ่งสารเหล่านี้ไม่ต่างจากยาเสพติด มันจะทำให้คุณคิดถึงและรู้สึกโหยหาคนรักอยู่ตลอดเวลา คุณไม่สามารถหาเหตุผลให้กับความรู้สึกนี้ได้นอกจากคำว่า ‘รัก’ 

หากช่วงนี้คุณไม่อยากเจอคนรัก หรือไม่เจอก็ไม่เป็นไร หากคุณคิดว่าวันหยุดจากงานยุ่งๆ ชวนปวดหัว คุณไม่อยากจะสละเวลาพักผ่อนให้กับคนรัก ทั้งที่เมื่อก่อนการได้เจอคนรักถือเป็นการเติมพลังจากเรื่องเหน็ดเหนื่อยที่คุณพบเจอ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้บ่งบอกว่าความรู้สึกของคุณเปลี่ยนแปลงไป เพื่อความชัดเจนคุณอาจจะไปเจอคนรัก หากคุณยังรักเธอสารเคมีในสมองจะหลั่งโดปามีนออกมา ทำให้คุณรู้สึกพึงพอใจกับช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน

3. ไม่อยากรับรู้หรือแบ่งปันเรื่องราว

อยู่ไหน? ทำอะไร? ทานข้าวหรือยัง? ตื่นยัง? เป็นคำถามที่ดูเหมือนไม่มีอะไรลึกซึ้ง แต่กลับเป็นบทสนทนาสุดคลาสสิกที่คู่รักส่วนใหญ่คุยกันตั้งแต่เริ่มจีบกันจนกระทั่งตกลงปลงใจที่จะคบหากัน คุณยังสนใจอยากรับรู้เรื่องราวเหล่านี้หรือยังยินดีที่จะตอบกลับข้อความเหล่านี้เดิมๆ ซ้ำๆ เหมือนเมื่อครั้งจีบกันอยู่หรือเปล่า? 

เมื่อคุณสนใจหรือรักใครคุณก็อยากจะรับรู้เรื่องราวของเขาและอยากจะบอกเล่าเรื่องราวของคุณให้อีกฝ่ายรับรู้ มีทั้งเรื่องไร้สาระ เรื่องจริงจัง แม้จะใช้ชีวิตในแต่ละวันเหมือนๆ เดิม แต่กลับมีเรื่องราวมากมายมายมาแบ่งปันกัน หากคุณไม่อยากรับรู้เรื่องราวเหล่านี้หรือเบื่อที่ตอบคำถามเหล่านี้แล้ว นี่เป็นอีกหนึ่งอาการที่บ่งบอกถึงอาการหมดรักที่คุณจะสามารถใช้สังเกตตนเองและคนรอบข้างได้

4. ความเบื่อหน่าย

ไม่มีความรู้สึกร่วมกับความทุกข์หรือความสุขของคนรัก ไม่อยากเจอหรือไม่เจอก็ไม่เป็นไร ไม่อยากแบ่งปันหรือรับรู้เรื่องราวของอีกฝ่าย อาการเหล่านี้แสดงออกว่าคุณกำลังรู้สึกเบื่อหน่ายกับความสัมพันธ์ คุณเบื่อหน่ายกับเรื่องราวของคนรัก เบื่อกับการต้องคอยตอบคำถามเดิมๆ ซ้ำๆ ทุกวัน

คุณไม่สนใจว่าการไม่ได้คุยกันหรือเจอหน้ากันจะทำให้ความสัมพันธ์ห่างเหิน และหากว่าคุณไม่สนใจว่าสุดท้ายแล้วความสัมพันธ์ของคุณกับคนรักจะเป็นไปในทิศทางใด ไม่ว่าคุณจะเบื่อหน่ายคนรักหรือเบื่อหน่ายความสัมพันธ์ สุดท้ายแล้วความเบื่อหน่ายอาจนำไปสู่การยุติความสัมพันธ์ได้

5. ชวนทะเลาะได้ทุกเรื่อง

เคยมีเหตุการณ์ทะเลาะกันที่ทำให้คุณสงสัยบ้างไหมว่า “ทำไมเราถึงทะเลาะกันเรื่องนี้นะ? ทั้งที่เมื่อก่อนเรื่องนี้ไม่เคยเป็นปัญหาจนทำให้เราทะเลาะกันเลย” เมื่อคนเราเริ่มเบื่อหน่ายกันแล้ว เรื่องที่เคยยอมรับได้ อะไรที่ปล่อยผ่านได้ตลอด หรือแม้แต่เรื่องที่ไม่น่าจะมีปัญหา ทุกเรื่องกลับสามารถสร้างความขัดแย้งให้คุณกับคนรักได้ซะงั้น 

พฤติกรรมปกติของคนรักอยู่ดีๆ ก็สร้างความหงุดหงิดใจให้แก่คุณ ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของเขาที่คุณเคยปล่อยผ่านได้เสมอมากลับกลายเป็นเรื่องราวที่ทำให้เกิดการทะเลาะกันรุนแรงเกินกว่าเหตุ หากคุณทะเลาะกันด้วยเรื่องเหล่านี้อยู่บ่อยๆ คุณควรจะตั้งคำถามกับความสัมพันธ์และความรู้สึกของคุณได้แล้วว่า ความรักที่คุณมีต่อกันยังคงอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า?

6. จินตนาการถึงอนาคตโดยไม่มีอีกคนอยู่ในนั้น 

พรุ่งนี้ สุดสัปดาห์นี้ เดือนหน้า อีก 1 ปีข้างหน้า อีก 2 ปีข้างหน้า ในช่วงเวลาที่เติมเต็มไปด้วยความรัก คุณจะคิดถึงอนาคตของคุณโดยคำนึงถึงคนรักด้วย ไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาว อาจจะแพลนเล็กๆ เช่น ไปทานข้าว ดูหนัง เที่ยวต่างจังหวัด หรืออาจจะเป็นแพลนที่ต้องวางแผนและคิดให้รอบคอบ เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ เรียนต่อ เมื่อคุณจินตนาการถึงอนาคตข้างหน้าว่าชีวิตคุณจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ภาพที่คุณเห็นจะมีคนรักของคุณอยู่ด้วย 

หากภาพในจินตนาการของคุณหรือแพลนของคุณในอนาคตเริ่มไม่มีคนรักอยู่ในนั้น คุณอาจจะแค่ลืมนึกถึง แต่นี้ก็เป็นสัญญาณที่มากพอว่าคุณไม่สนใจหรือเริ่มหมดรักอีกฝ่ายแล้ว คุณเริ่มมองเห็นแต่ตัวเอง คนรักแทบจะไม่มีบทบาทต่อชีวิต ความรู้สึกนึกคิด และการตัดสินใจใดๆของคุณ

7. มีความลับและข้ออ้างมากขึ้น

เพราะเบื่อหน่ายและไม่อยากให้อีกฝ่ายเข้ามามีบทบาทในชีวิตตนเองเหมือนอย่างเคย จึงทำให้คุณต้องปิดบังบางอย่างไม่ให้คนรักรู้ คุณเริ่มโกหกคนรักบ่อยครั้ง คุณมีข้ออ้างมากมายให้กับความเปลี่ยนแปลงของคุณ ข้ออ้างที่คุณเริ่มตอบข้อความช้า ข้ออ้างที่ไม่ยอมไปเจออีกฝ่ายในวันหยุด เมื่ออีกฝ่ายเซ้าซี้หาคำตอบ ก็อาจจะลงเอยที่การทะเลาะกัน จนทำให้คุณรู้สึกว่า อย่ามาคุยกันเลยแบบนี้ อย่าเจอกันเลยถ้าจะลงเอยด้วยสถานการณ์แบบนี้

8. คุณตกหลุมรักคนอื่น

เมื่อคุณตกหลุมรักใครอีกคน คนรักของคุณจะเป็นคนรักของคุณแค่สถานะ เพราะคุณคงไม่รักเขาแล้ว คุณไม่มีความรู้สึกร่วมกับความทุกข์-สุขของอีกฝ่ายเพราะความรู้สึกของคุณเชื่อมโยงกับอีกคน คุณไม่อยากเจอเขาเพราะคุณมีอีกคนที่คุณอยากเจอมากกว่า คุณเบื่อและไม่อยากรับรู้หรือแบ่งปันเรื่องราวใดๆของคุณกับคนรักเพราะคุณมีคนที่อยากคุยด้วยแล้ว คุณลดบทบาทของคนรัก คุณมีความลับและข้ออ้างมากมายเพื่อไม่ให้คนรักรู้ว่าคุณกำลังหลงรักอีกคนที่ไม่ใช่เขา

ผมไม่ได้หมายความว่าอาการหมดรักที่กล่าวมาก่อนหน้านี้แปลว่าคุณตกหลุมรักคนอื่น แต่หมายถึงเมื่อคุณตกหลุมรักคนอื่นระหว่างคงสถานะคนรักกับอีกคน คุณจะแสดงออกเกือบทุกอาการที่กล่าวมา เพราะว่าคุณหมดรักอีกฝ่ายแล้วนั่นเอง

ในความสัมพันธ์การหมดรักเป็นเรื่องน่ากลัวก็จริง แต่การหลอกอีกฝ่ายว่ารักก็อาจจะเป็นเรื่องเลวร้ายเช่นกัน แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคงจะเป็นการรักอีกคนในขณะที่มีสถานะกับอีกคนหรือเรียกว่าการนอกใจ ความสัมพันธ์ที่ยุติลงเพราะหมดรักเป็นเรื่องน่าเศร้าแต่ผมว่ามันเข้าใจได้และยอมรับได้มากกว่าการยุติความสัมพันธ์เพราะถูกนอกใจ

บทความล่าสุด