เมื่อมองดูผลงานที่ประสบความสำเร็จหลาย ๆ ชิ้น เราจะเห็นถึงพลังความคิดซ้อนอยู่เสมอ ความคิดที่สามารถกำหนดความสำเร็จของเป้าหมายของการทำงาน ความคิดที่สามารถเปลี่ยนแปลงคุณให้เป็นคนที่ดีขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น และแน่นอนว่าสามารถฝึกฝนได้ซึ่งนอกเหนือไปจากพรสวรรค์ใด ๆ ที่ได้รับมา
ใช่แล้วครับ มันคือ การคิดบวก การคิดที่จะสร้างจินตนาการที่ดี สร้างฐานระดับจิตใจที่มั่นคงและนำสู่การทำงานที่ประสบความสำเร็จ และในบทความนี้ เราจะพาคุณมาทำความรู้จักวิธีคิดบวกที่จะนำไปสู่เป้าหมายนั้น ซึ่งแน่นอนว่าหากเราฝึกฝนได้แล้ว แม้เจออุปสรรคในงานมากเพียงใดก็สามารถรับมือและผ่านมันไปได้ด้วยดีแน่นอน
10 วิธีคิดบวกในการทำงาน
วิธีคิดบวก คือ การคิดดีหรือการมองโลกในแง่ดีซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการคิดแบบเพ้อฝันและคาดหวังจากจินตนาการที่เลื่อนลอยที่เรามักได้ยินเขาเรียกกันว่า พวกโลกสวย แต่เป็นการคิดในทางที่ดีบนความเป็นจริงที่เกิดขึ้น มองเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างที่มันเป็นและเลือกโฟกัสในมุมที่ดี ทำให้เกิดวิธีคิดที่มีเหตุและผลอันสมควรและสนับสนุนให้เกิดพลังในการดำเนินชีวิตในทุก ๆ การก้าวเดิน มาดูกันว่า 10 วิธีคิดบวกในการทำงานที่จะทำให้ชีวิตก้าวสู่เป้าหมายอย่างมั่นคงมีอะไรกันบ้าง
1. เริ่มต้นวันใหม่ด้วยรอยยิ้มและคำขอบคุณ
“ถ้าคุณคิดจะเปลี่ยนโลก ให้เริ่มต้นด้วยการเก็บที่นอน” โดย Admiral William H. McRaven เป็นสุนทรพจน์ที่สร้างแรงบันดาลใจเล็ก ๆ ให้เกิดขึ้นกับตัวเราเองในแต่ละวันได้อย่างดียิ่ง เพราะนั่นบ่งบอกว่าคุณได้ทำงานแรกของวันสำเร็จแล้วและรู้สึกอยากทำงานชิ้นต่อ ๆ ไปให้สำเร็จ
คุณจะเชื่อไหมว่า ความสำเร็จเล็ก ๆ ที่เกิดจากการจัดที่นอนในตอนเช้าจะสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับคุณได้ทั้งวันและเมื่อคุณประสบพบเจอปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างวัน เมื่อกลับมายังที่นอนที่เป็นระเบียบเรียบร้อย มันช่วยเพิ่มพลังให้กับคุณอย่างไม่น่าเชื่อ และอย่าลืมที่จะขอบคุณตัวคุณเองที่ทำเรื่องเล็ก ๆ นั้นได้สำเร็จในทุกวัน
2. เปิดรับสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ
การเปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับใจที่คิดวิตกกังวลกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้เสมอ โดยที่รู้ตัวบ้างและไม่รู้ตัวบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไปหากจะเปลี่ยนมุมมอง เลือกมองในมุมที่ดี และเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นจะนำพาโอกาสที่ดีมาสู่เราเสมอ การเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ จะเป็นเหมือนประตูเปิดโลกทัศน์ของเราให้กว้างขึ้นอย่างมีสติรับรู้และนำส่งผลงานการทำงานที่ดีขึ้นได้
3. มีใจรักในงานที่ทำ
การมีใจรักในงานที่ทำส่งผลต่อชิ้นงานที่ได้เสมอ ความใส่ใจในงานที่ได้รับมอบหมายเปรียบเสมือนพลังงานที่คอยเติมเต็มชีวิตการทำงาน ซึ่งนำไปสู่ผลงานเชิงสร้างสรรค์และนำพาไปสู่เป้าหมายที่วางไว้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
เมื่อเราคิดดี ก็ส่งผลถึงบุคลิกภาพที่ดีด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการรู้จักยืดหยุ่นในงาน มีความยิ้มแย้มแจ่มใสและมีมิตรภาพที่ดีให้กับทุกคน นั่นหมายถึงความสามารถร่วมงานกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น จนสามารถทำงานได้บรรลุเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วขึ้นและลดอุปสรรคในงานได้อย่างดีด้วย
5. หาความรู้ใหม่ สร้าง Passion ให้กับตัวเองอยู่เสมอ
การหาความรู้ใหม่ ๆ คืออีกหนึ่งวิธีในการสร้างPassion หรือแรงผลักดันในการทำงานให้ลุกโชนอยู่เสมอ เสมือนการจุดไฟให้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลาเพื่อขับเคลื่อนงานให้ไปถึงเป้าหมายได้อย่างสำเร็จ ดังนั้น จงพาตัวเองเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ คลุกคลีกับคนที่มีฝันเหมือน ๆ กัน คุยสนทนากับผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ อ่านหนังสือดี ๆ เป็นต้น
6. หยุดให้ความสนใจต่อคนคิดลบ
พลังการขับเคลื่อนที่ดีจะถูกส่งต่อจากผู้ที่คิดดีเท่านั้น การใช้เวลากับคนกลุ่มไหนมากที่สุด
7. เชื่อมั่นว่าตนเองทำได้
แน่นอนว่าในการทำงานเราต้องเจอกับอุปสรรคอะไรบางอย่างที่ทำให้งานสะดุดหรือติดขัด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่แน่นอน เมื่อเราคิดบวกและเชื่อมั่นว่าตนเองทำได้ ความมั่นใจในตัวเองและมองโลกในแง่ดี มักพลิกวิกฤตเป็นโอกาสและมองเห็นทางออกของปัญหานั้น ๆ ได้เสมอ
8. ให้เวลากับตัวเองในการพักผ่อนบ้าง
การให้เวลากับตัวเอง ให้ตัวเองได้ผ่อนคลายด้วยการอยู่กับธรรมชาติ ต้นไม้ใบหญ้า ดูหนัง ฟังเพลง หรืออ่านหนังสือดี ๆ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้สมองได้พักจากงานที่เคร่งเครียดและตื่นตัวอยู่เสมอเพื่อพร้อมรับสิ่งใหม่ ๆ อีกครั้ง
9. ให้รางวัลเล็ก ๆ สำหรับตัวเอง
ถ้าเป้าหมายที่วางไว้มีใหญ่มากเกินไป ลองแบ่งย่อยเป้าหมายให้เล็กลง และให้รางวัลกับความสำเร็จเล็กๆ นั้นดูสิ เช่น ทำรายงานการประชุมเสร็จแล้วจะแวะจัดไอศกรีมสักถ้วยเพื่อเป็นรางวัลให้กับตัวเอง เป็นต้น การให้รางวัลตอบแทนการทำงานเล็ก ๆ ได้สำเร็จเปรียบเหมือนการให้กำลังใจกับตัวเองแม้จะเล็ก ๆ น้อย แต่นั้นคือจุดเล็ก ๆ ที่สำคัญของพลังบวกเลยนะครับ
10. ออกกำลังกาย
ฝึกสมองคิดบวกแล้วอย่าลืมให้ร่างกายได้รับสารแห่งความสุขด้วยการออกกำลังกายที่สม่ำเสมอด้วยนะครับ เพราะสารเอ็นโดรฟินที่หลั่งออกมาในขณะออกกำลังกายจะทำให้คุณรู้สึกปลอดโปร่ง มีความสุข และลดความเครียด แถมสุขภาพดีพร้อมรับมือกับงานที่เข้ามาทุกทิศทางได้อีกด้วย
การคิดบวกหากฝึกฝนได้ในระดับหนึ่ง จะทำคุณรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ อะไรจำเป็น อะไรไม่จำเป็น และควรปฏิบัติกับปัญหางานที่เข้ามาอย่างไรเพื่อเป้าหมายที่เปี่ยมประสิทธิภาพ และนั่นคือ ขุมพลังของความคิด
และเมื่อแหล่งพลังงานบวกอยู่ที่ความคิด แล้วทำไมเราไม่ลองฝึกฝนการคิดบวกเพื่อสร้างพลังในการทำงานกันล่ะครับ
บทความล่าสุด
การจัดโต๊ะคอมให้สวยถูกใจ พร้อมฟังก์ชันการใช้งานครบครัน...
ในมุมมองหนึ่ง ‘ลูกคนกลาง’ ดูเหมือนจะต้องแบกรับภาระทางใจอันหนักอึ้ง...