เบื่อชีวิตเดิมๆ – เมื่อชีวิตวนลูปทุกวัน เราจะแก้ยังไงดี [Groundhog Day]

เบื่อชีวิตเดิมๆ

คุณเป็นไหมครับ?

ตื่นขึ้นมาเวลาเดิม ลุกออกไปทำงาน กลับบ้านมานอน เพื่อรอที่จะตื่นขึ้นไปทำงานเหมือนเดิมพรุ่งนี้

เราเรียกชีวิตที่ทำทุกอย่างทุกวันเหมือนเดิมว่า ‘ชีวิตที่วนลูป’ และถ้าเราไม่ระวัง เวลาก็อาจจะผ่านไปหลายสิบปีโดยที่ชีวิตไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียว

หนัง Hollywood ที่ผมชอบมากที่สุดเรื่องหนึ่งเลยก็คือ Groundhog Day (1993) ซึ่งเนื้อเรื่องก็เกี่ยวกับการที่พระเอกของเราติดอยู่ในลูปชีวิตเดิมๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ทุกครั้งที่เค้าหลับ เค้าก็จะตื่นขึ้นมาในที่เดียวกันเวลาเดียวกันซ้ำๆ โดยที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย จนกระทั่งเค้าสามารถหาวิธีเปลี่ยน ‘ชีวิตที่วนลูป’ มาเป็นข้อได้เปรียบของตัวเอง…

วันนี้ผมขอเสนอคำตอบของชีวิตที่วนลูปเดิมทุกวัน ซึ่งเป็นบทเรียนที่ผมได้จากหนังเรื่อง Groundhog Day นั่นเอง บทความนี้ไม่ใช่การรีวิวหรือการสรุปเรื่องย่อหนังนะครับ ผมแค่จะยกตัวอย่างจากหนังเรื่องนี้มาในเวลาที่เหมาะสม ต่อให้ไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้มาก็อ่านได้สบาย

[ในบทความนี้จะมีการสปอยหนัง Groundhog Day นะครับ มันเป็นหนังที่ดี ผมอยากแนะนำให้ทุกคนดูมากๆ]

อาการเบื่อชีวิตเดิมๆ

ตราบใดที่เรายังไม่รู้สึกสบายใจกับตัวเอง ชีวิตที่น่าเบื่อก็จะตามเราทันทุกครั้ง หากการเปลี่ยนปัจจัยภายนอกนั้นไม่เพียงพอที่จะลดความน่าเบื่อและจำเจในชีวิต นั่นก็อาจเป็นเพราะว่าเราต้องแก้จากการปรับมุมมองภายในของเราก่อน

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวเก่ง เก่งจนบางทีเรารู้สึกว่าเราทำอะไรซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆทุกวัน ซ้ำซากกับปัญหาแบบเดิมจนไม่เห็นประโยชน์จากสิ่งที่ตัวเองทำทุกวันได้อีกแล้ว

หลายคนติดตลกเรียกการพักร้อนหรือการไปเที่ยวว่าการ ‘หนีงาน’ หรือ ‘หนีหัวหน้า’ (Escape Work) ซึ่งในความล้อเล่นนี้ก็มีความจริงอยู่

ผมคิดว่าสาเหตุที่คนรู้สึกอยากหนีงานหรือหนีสิ่งที่เราทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการพักร้อนสามวันหรือการลาออกเปลี่ยนงาน ก็เพราะความรู้สึกว่าสิ่งที่เราทำอยู่อาจจะไม่ดี หรืออาจจะน่าเบื่อ ในบางเวลา

การหนีไปเติมพลังก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรหรอกครับ จนกระทั่งในบางครั้งเราก็คงรู้สึกว่าหนีไม่ได้แล้ว อาจจะเพราะเราไม่มีเงินเที่ยวแล้ว หรือเพราะเรารู้สึกหมดไฟกับสิ่งที่ทำจนไม่ว่าจะพักแค่ไหนก็ไม่พอซักที

ในเรื่อง Groundhog Day ตัวเอกของเราเป็นนักข่าวที่ต้องมาทำข่าวในเมืองเล็กๆ ในหนังทุกวันตัวเอกต้องทำข่าวเรื่องเดิมๆซ้ำไปเรื่อยๆ พูดคุยกับคนบทสนทนาเหมือนเดิม และต่อให้พยายามทำอะไรใหม่ พยายามเปลี่ยนแปลง หรือพยายามหนี สุดท้ายเค้าก็จะตื่นขึ้นมาในเวลาเดิม เข้าสู่วันเดิมๆใหม่อีกรอบ

อาการที่เรารู้สึกว่าหนีไม่ได้ หรือ รู้สึกว่าทำอะไรชีวิตก็ไม่เปลี่ยนซักที เนี่ยเหล่ะคือ ‘การเบื่อชีวิตเดิมๆ’ หรือ ‘ชีวิตไม่ก้าวหน้า’

ปัญหาของชีวิตที่ไม่ก้าวไปไหน

ชีวิตเราถ้าไม่ก้าวหน้า ก็เหลือตัวเลือกแค่การถอยหลัง กับการอยู่กับที่ครับ

ผมก็เป็นหนึ่งคนที่ชอบทำอะไรซ้ำๆ ทำอะไรเหมือนเดิม จนบางทีเพื่อนรอบข้างต้องแอบถามว่า ‘ไม่เบื่อเหรอ’ ซึ่งผมคิดว่าคนที่ชีวิตวนลูปก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน

การเบื่อเป็นอาการที่ใครก็มีได้ ขนาดคนที่กระตือรือล้นหรือดูมีอะไรทำตลอดเวลาก็ยังรู้สึกเบื่อได้เลย แต่คนที่เข้าสู่สภาวะชีวิตติดลูปจริงๆจะเป็นมากกว่านั้น

สิ่งที่ตามมาถัดจากความเบื่อก็คือ ความรู้สึกตื่นตระหนก ความรู้สึกเอื่อยเฉื่อย และความสิ้นหวัง หากคุณทำงานบริษัทใหญ่ๆคุณก็คงเคยเห็นพนักงานที่อยู่มานานแล้วจนเหมือนทำทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย แต่กลับไม่มีความกระตือรือร้นอะไรเลย ผมคิดว่าการรู้สึกติดอยู่กับที่ก็คงเป็นอย่างนั้น มันเป็นการรู้สึกสบายกับสิ่งรอบข้าง แต่ข้างในใจเรากลับรู้สึกว่างเปล่า

บางคนสิ้นหวังจากความจำเจจนเลือกที่จะทำร้ายตัวเอง อาจจะด้วยการเลิกใส่ใจในหน้าที่ในชีวิต หรือเริ่มหันไปหาสิ่งเสพติดอย่างแอลกอฮอล์

สาเหตุที่ชีวิตไม่ก้าวหน้า

หากเรามาลองคิดดูดีๆนะครับ เรารู้สึกว่าชีวิตไม่ก้าวหน้า เพราะเรารู้สึกว่าเราไม่ได้เข้าใกล้สิ่งที่เราอยากได้ จริงไหมครับ?

ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน หรือเรื่องความรัก การที่เรารู้สึกว่าทุกอย่างเหมือนเดิมหรือไม่ก้าวหน้าก็เพราะว่า สิ่งที่เราอยากได้ไม่เป็นจริงซักที อาจจะเพราะคืบหน้าช้าไปหรือไม่มีอะไรพัฒนาเลยก็ตาม

แต่คุณไม่คืบหน้า…เทียบกับอะไรกัน

ถ้าคุณคิดว่าคุณอยากจะรวยเท่า Jack Ma หรือ Mack Zuckerberg ผมก็เข้าใจได้ว่าทำไมคุณถึงรู้สึกติดอยู่กับที่ แต่ถ้าคุณเปลี่ยนมุมมองเทียบกับสิ่งที่คุณมีอยู่สามปี หรือห้าปีที่แล้ว คุณได้อะไรมาเยอะขึ้นหรือเปล่านะ? และมันพอกับสิ่งที่คุณหวังไว้แค่ไหนกัน

ผมเข้าใจว่าปัญหาชีวิตจำเจไม่ได้แก้ได้ด้วยการ ‘ตั้งความหวังให้น้อยลง’ ทุกครั้ง เพราะชีวิตเรามีภาระและความรับผิดชอบที่มากขึ้นทุกปี เราคงรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่เราก้าวหน้าไม่ทันสิ่งที่เราอยากได้หรือสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบ

เพราะฉะนั้นในขั้นแรก คุณต้องมั่นใจก่อนว่าทุกวันนี้คุณมีมากพอที่จะประคับประคองชีวิตตัวเอง (หรือชีวิตครอบครัว) ให้ได้ก่อน และถ้าทุกวันนี้คุณมีไม่พอคุณจะต้องทำยังไงต่อ พอคุณทำได้แล้วเราค่อยมาดูกันอีกทีว่าจะออกจากความจำเจได้ยังไง

เมื่อชีวิตวนลูปทุกวัน เราจะแก้ยังไงดี

สิ่งที่ตัวเอกเรื่อง Groundhog Day พบใน ‘คำสาปชีวิตซ้ำซาก’ ก็คือการที่เค้ามีโอกาสในการพัฒนาตัวเองอย่างไม่จำกัด ทุกวันที่เค้าตื่นขึ้นมาคืออีกหนึ่งวันที่เค้าสามารถเรียนรู้และทำอะไรใหม่ได้เรื่อยๆ สุดท้ายเค้าก็ทำได้ทุกอย่างจนคนรอบข้างตกใจว่าไปหาเวลาเรียนรู้มาจากไหนกันนะ

วิธีแก้อาการชีวิตวนลูปในระยะสั้น

ในระยะสั้น สิ่งที่เราค้นพบในชีวิตวนลูปก็คือการที่เรามีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าเวลาว่างของเราแต่ละวันจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม เราสามารถเอาเวลาที่จำเจของเรามาเริ่มพัฒนาระบบการทำงานของตัวเองจนทุกอย่างดูเหมือนง่ายไปหมด หรืออาจจะย้ายงานไปหาความท้าทายใหม่เรื่อยๆ

เพราะฉะนั้นคำตอบของชีวิตวนลูประยะสั้นก็คือ การสร้างความชํานาญและการเปลี่ยน

การพักผ่อน การหาแรงจูงใจอื่น การหาเป้าหมายใหม่ในชีวิต ล้วนเป็นสิ่งที่ดีและน่าชื่นชม

แต่สุดท้ายหลังความท้าทายจากงานใหม่หมดไป คุณก็ค้นพบว่า ‘การหาความท้าทายใหม่’ ก็เป็นเรื่องที่จำเจไปแล้วในที่สุด บางคนอาจจะใช้เวลาสิบปี ยี่สิบปี แต่ไม่ช้าทุกคนก็คงเห็นภาพรวมของวงเวียนนี้

ในเรื่อง Groundhog Day หลังจากที่พระเอกเริ่มยอมรับกับความจำเจที่เหมือนจะเป็นอนันต์ เค้าก็ปรับความคิดตัวเอง เริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่เช่นการเรียนเปียโน เรียนภาษาใหม่ ทำกิจกรรมที่เค้าไม่เคยทำ และพูดคุยทำความรู้จักกับคนในเมืองทุกคน แต่สุดท้ายเค้าก็รู้ถึงความจริงว่าในชีวิตมีบางอย่างที่เค้าทำได้ แต่ก็มีบางอย่างที่เค้าทำไม่ได้อยู่ดี

‘ปัญญาที่แท้จริง’ (Wisdom) ก็คือการที่เรารับรู้ถึงสิ่งที่เราทำได้และทำไม่ได้ แต่เราต้องทำยังไงต่อ

วิธีแก้อาการชีวิตวนลูปที่แท้จริง

ถ้าการเปลี่ยนและการหาอะไรใหม่ๆไม่ใช่คำตอบ แล้วคำตอบคืออะไรกัน?

คำตอบที่หนัง Groundhog Day เสนอก็คือ ‘การแสดงความซาบซึ้ง’ (Appreciation)

ทักษะบางอย่างเราสามารถพัฒนาและทำให้ดีขึ้นได้เรื่อยๆ แต่เราไม่ใช่พระเจ้า ของบางอย่างเราก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน

การออกจากชีวิตวนลูป ออกจากวังวนเบื่อชีวิตเดิมๆ ไม่ใช่การฝึกเพิ่มทักษะให้ตัวเองหรือการเปลี่ยนอาชีพหรืองานอดิเรก แต่สิ่งที่สำคัญและทำได้ง่ายกว่านั้นก็คือการเลิกมองแต่ปัญหาของตัวเองและหันมาพยายามช่วยคนรอบข้างให้ดีที่สุด การเป็นคนที่สมบูรณ์แบบไม่ใช่คำตอบของชีวิตที่จำเจ แต่คำตอบก็คือการเป็นคนที่อ่อนโยนและรู้สึกซาบซึ้งต่อคนในชีวิตของเรา

ชีวิตมนุษย์มันสั้น จนบางทีเราก็รู้สึกหลงไปกับสิ่งตื่นเต้นที่อยู่ข้างหน้า

การ ‘ทำวันนี้ให้ดีที่สุด’ กลับถูกแปลว่าเราต้องเป็นคนที่ลองอะไรใหม่ๆทุกอย่าง กล้าได้กล้าเสีย หรือต้องออกจาก comfort zone แต่บางทีสิ่งที่เติมเต็มความว่างเปล่าสุดจำเจในชีวิตเรา ไม่ได้มาจากการไปมาชูปีกชูที่เปรู หรือการกระโดดร่มออกจากเครื่องบินสูงหนึ่งพันเมตร

บางทีสิ่งที่เติมเต็มชีวิตเราอาจจะเป็นแค่การเล่นหน้าเล่นตากับเด็กในบีทีเอสหรือการจูงคนแก่ข้ามทางม้าลายก็ได้ ไม่ว่าโอกาสจะเล็กน้อยแค่ไหน เราก็สามารถทำให้ดีที่สุดได้เสมอ

‘การให้’ เป็นสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด ต่อให้เวลาเป็นอนันต์ก็ยากที่จะเปลี่ยนให้มันจำเจได้

สุดท้ายแล้วสิ่งที่ ‘ดีต่อใจ’ ของเราไม่ใช่เงินเจ็ดหลักแปดหลักในบัญชี ไม่ใช่การที่คนมาชื่นชมเพราะเราเรียนมหาลัยชื่อดังหรือทำงานตำแหน่งใหญ่โต และไม่ใช่เพราะเรามีทักษะใหม่น่าตื่นเต้นไปอวดคนอื่น

สิ่งง่ายๆที่ช่วยจิตวิญญาณของเรา ก็คือการที่เรามีโอกาสตื่นขึ้นมาทุกวัน ในโลกที่มีคนที่เรารักและรักเรา พร้อมด้วยโอกาสนับไม่ถ้วนที่แสดงให้คนพวกนั้นรับรู้ว่าเราซาบซึ้งแค่ไหน ทุกวัน ทุกวัน และ ทุกวัน

ปัญหาชีวิตน่าเบื่อ ซ้ำซาก เบื่อชีวิตเดิมๆ – เมื่อชีวิตวนลูปทุกวัน เราจะแก้ยังไงดี [Groundhog Day]

บทความล่าสุด