การบอกให้คนมั่นใจในตัวเองมากขึ้น…มันพูดง่ายแต่ทำยาก
ไม่มีใครเกิดมามั่นใจในตัวเองมากหรือน้อยหรอกครับ ความมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเองจากการเข้าสังคมครั้งต่อครั้ง สำหรับคนส่วนมากการกล้าแสดงออกขึ้นอยู่กับสถานการณ์และช่วงเวลาด้วย บางครั้งเราก็มั่นใจ บางครั้งเราก็ขี้อาย
เวลาเราทำอะไรใหม่ๆหรืออะไรที่เราไม่ถนัด มันก็ง่ายที่เราจะรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง เรากลัวความล้มเหลวและรู้สึกอ่อนแอ แต่หลังจากที่เราพยายามมาเยอะแล้ว เราก็จะรู้สึกสบายกับสถานการณ์มากขึ้น เราจะโฟกัสกับความสำเร็จของตัวเองและเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมากกว่าก่อน จนกว่าเราจะเริ่มทำอะไรใหม่ๆหรือไปอยู่ในสถานการณ์ใหม่ๆอีกครั้ง
ชีวิตเรามีเรื่องให้เรียนรู้และพบเจอไม่จำกัด ซึ่งมันก็ง่ายที่เราจะรู้สึกว่าอะไรใหม่ๆที่เราไม่มั่นใจมีเยอะไปหมด ไม่ว่าใครก็มีช่วงเวลที่ตัวเองไม่มั่นใจในตัวเองทั้งนั้น แต่มันก็มีวิธีแก้ครับ ความมั่นใจในตัวเองก็เหมือนทักษะอื่นๆ ยิ่งเราฝึกมากเท่าไร เราก็ยิ่งสามารถทำได้เก่งมากขึ้น
ก่อนที่เราจะไปดูกันว่าทำไมเราต้องฝึกความมั่นใจในตัวเอง และ การฝึกความมั่นใจในตัวเองทำยังไง เรามาดูกันก่อนว่า ‘ความมั่นใจในตัวเอง’ คืออะไรกันแน่
ความมั่นใจในตัวเองคืออะไรกัน
ความมั่นใจในตัวเองคือความรู้สึกมั่นใจและแน่ใจในตัวเอง ซึ่งหมายถึงความสามารถ ศักยภาพ และ ตัวตนของตัวเอง ความมั่นใจในตัวเองคืออาการที่เรารู้สึกปลอดภัยและรู้สบายกับสถานะและตัวตนของเราที่เป็นอยู่จริง
อาการขาดความมั่นใจในตัวเองคือเวลาที่เราไปสัมภาษณ์งานครั้งแรกและเรารู้สึกว่าเราไม่รู้อะไรเลย แต่เราก็ยังต้องทำให้ผู้สัมภาษณ์ชอบเราให้ได้ เราจะมั่นใจตัวเองได้เวลาเรารู้สึกเหมือนกับว่าเราได้ใช้ความรู้ ประสบการณ์ และ การตัดสินใจที่เราเคยเรียนหรือเคยทำมา
แต่ความมั่นใจในตัวเองสำคัญยังไงในการดำเนินชีวิต
หากเรามั่นใจว่าเราจะทำได้ และ เราจะทำได้ดีด้วย ผลลัพธ์จะออกมายังไงบ้างนะ
การกระทำและการตัดสินใจของเรามีผลต่ออะไรหลายอย่างในชีวิตใช่ไหมครับ ชีวิตไม่ใช่การเล่นหวย หากเราตั้งใจและมั่นใจในตัวเอง เราก็จะทำอะไรได้เร็วขึ้นและผลลัพธ์ก็จะออกมาดีขึ้นด้วย
ความมั่นใจในตัวเองจะช่วยลดความเครียด และ ผลักดันให้เราทำอะไรใหม่ๆ นอกจากนั้นแล้วเรายังรู้สึกดีเกี่ยวกับตัวเองมากขึ้นด้วย เรามาลองดูมุมมองเกี่ยวกับประโยชน์ของความมั่นใจในตัวเองให้ลึกกว่านี้กัน
ความสุขและความมั่นใจในตัวเอง
ความมั่นใจในตัวเองขึ้นอยู่กับความเราเห็นคุณค่าและเข้าใจทักษะของตัวเองมากแค่ไหน ยิ่งเราเชื่อในทักษะและความสามารถของตัวเองมากแค่ไหน เราก็จะมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
และยิ่งเรามั่นใจในตัวเองมากขึ้น ชีวิตของเราก็จะมีความหมายมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้เราอยากทำตามความฝันหรือสิ่งที่เราตั้งเป้าหมายไว้มากขึ้น คนที่มั่นใจในศักยภาพของตัวเองจะสามารถยอมรับความผิดพลาดของตัวเองได้ดี เพราะเขาเชื่อว่ายังไงโอกาสที่เขาจะแก้ไขหรือทำให้ปัญหามันดีขึ้นมีเยอะ นอกจากนั้นแล้ว คนที่มีความมั่นใจยังสามารถรับความท้าทายใหม่ๆและมีความสุขกับชีวิตได้มากขึ้นด้วย
งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าความมั่นใจในตัวเองกับความสุขเป็นของคู่กัน คนที่รายงานว่าตัวเอง ‘มั่นใจในตัวเอง’ มักจะรายงานว่า ‘มีความสุข’ มากกว่าคนที่รายงานว่าไม่มั่นใจในตัวเอง ลองคิดดูนะครับ หากเราเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและเชื่อว่าเราสามารถทำตามความฝันหรือมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ที่เราชอบ การตัดสินใจและการกระทำของเราจะพาตัวเราไปจุดไหนของชีวิตบ้าง? และถ้าเราเป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง เราจะเป็นยังไงกัน
ให้ลองเทียบพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับความมั่นใจข้างล่างดูครับ ด้านขวาคือคุณลักษณะของคนที่มั่นใจในตัวเอง ภูมิใจในความสามารถของตัวเอง และเชื่อในความคิดกับการตัดสินใจของตัวเอง คนพวกนี้จะทำอะไรให้ตัวเองมีความสุข ส่วนด้านขวาก็คือพฤติกรรมของประเภทตรงข้าม
พฤติกรรมของคนมั่นใจในตัวเอง | พฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการมั่นไม่ใจในตัวเอง |
ทำในสิ่งที่เชื่อว่าถูกต้อง ถึงแม้คนอื่นจะไม่ชอบหรืออาจจะเยาะเย้ย | ใช้ความคิดของคนอื่นเป็นตัวตัดสินว่าเราควรจะทำอะไรบ้าง |
พร้อมที่จะรับความเสี่ยงและพร้อมที่จะทำทุกวิถีทางให้เป้าหมายเป็นจริงได้ | กลัวความเสี่ยงและเลือกทำแต่สิ่งที่ตัวเองถนัดเท่านั้นเพราะไม่สามารถรับความล้มเหลวได้ |
สามารถยอมรับความผิดและเรียนรู้จากมัน | ชอบกลบเกลื่อนความผิดตัวเองและกลัวคนอื่นเห็นและต่อว่า |
รอให้คนมาชื่นชมความสำเร็จของตัวเอง | ชื่นชมตัวเองให้คนอื่นฟังทุกครั้งที่มีโอกาส |
สามารถยอมรับคำชมของคนอื่นได้ ‘ขอบคุณครับ ผมตั้งใจทำมากแล้วก็มีความสุขมากที่มีคนเห็นค่าของความพยายามครั้งนี้’ | ปฏิเสธคำชมของคนอื่น ‘ไม่มีอะไรหรอก ใครก็ทำได้ทั้งนั้น’ |
ความเครียดกับการวิตกกังวล
ตอนที่เราเรียนรู้แล้วโดนอาจารย์เรียกให้ขึ้นมาตอบคำถามหน้าห้อง (แถมเราไม่รู้คำตอบด้วย) เราจะรู้สึกยังไงครับ?
หากเทียบกับคนฝั่งตะวันตกอย่างประเทศอเมริกาแล้ว คนไทยมีความกล้าแสดงออกน้อยกว่ามาก โดยเฉพาะในห้องเรียน เราจะไม่กล้ายกมือถามคำถาม…หรือในกรณีนี้ไม่กล้าตอบคำถามจนอาจารย์ต้องเรียกใครก็ได้มาตอบให้
ตอนที่เราโดนเรียกชื่อ เราจะรู้สึกได้ว่าห้องมีความเงียบลง เงียบจนได้ยินเสียงแอร์หรือพัดลม เหงื่อของเราก็เริ่มไหลออกมา มือไม้สั่นไปหมด
เวลาที่เราไม่มั่นใจในความสามารถตัวเอง ความเครียดและความกังวลก็จะเกิด เราคิดว่าเราไม่มีความรู้หรือประสบการณ์มากพอที่จะทำงานให้สำเร็จหรือเรียบร้อยได้ ในกรณีนี้ก็คือการตอบคำถามคุณครูนั่นเอง ซึ่งมาตรฐานของคำว่า ‘สำเร็จเรียบร้อย’ ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนครับ แถมบางครั้งเรายังประเมินความสามารถตัวเองต่ำไปด้วยซ้ำ
ความเครียดและความกังวลเป็นอะไรที่เกิดขึ้นบ่อย แต่ในกรณีที่สุดโต่งเราก็อาจจะมีปฏิกิริยาแปลกได้ เช่นการใช้ความโกรธหรือการพูดเสียงดังกลบเกลื่อน ลองจินตนาการถึงสัตว์ที่โดนต้อนจนไม่มีทางหนีดูครับ
วงเวียนความกลัวมันไม่จบแค่นี้ ยิ่งเรากลัวและกังวลมากแค่ไหน ร่างกายของเราก็ยิ่งเหนื่อยยิ่งล้ามากขึ้น เราจะไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของร่างกายได้จนกว่าเราจะหลุดออกจากความคิดหรือสถานการณ์แบบนี้…ซึ่งมันทำได้ยากมากถ้าไม่มีคนช่วย
แต่ยกเว้นว่าคุณกำลังจะถูกล่าโดยจอห์น วิคหรือจอห์น แมคเคลน ผมก็คิดว่าเราก็กลัวบางอย่างเกินความจำเป็นไปนิดนึง ความเครียดและความวิตกกังวลจะทำให้การตัดสินใจและการประเมินสถานการณ์ของเราบกพร่องเสมอ ความรู้สึกอยู่เหนือเหตุผล
สติคือเพื่อนที่ดีที่สุดเวลาเราเครียดและกังวล หากคุณเริ่มรู้สึกว่าสถานการณ์บางอย่างมันเริ่มอยู่นอกเหนือการควบคุมของตัวเองให้ลองถามดูว่า: ถ้าทำผิดมันจะเป็นอะไรมากขนาดนั้นจริงเหรอ? ถ้าเทียบกับสิ่งอื่นๆที่เราเคยกลัวมากกว่านี่ พฤติกรรมตอนนี้ของเราเหมาะสมแค่ไหนกันนะ?
ความกระตือรือร้น
คนที่มั่นใจในฝีมือตัวเองจะมีความตั้งใจในการทำงานมากกว่าและจะพร้อมรับงานใหม่มากกว่าคนที่ขาดความมั่นใจ
ยกตัวอย่างเช่น หากหัวหน้าของคุณเดินเข้ามาถามว่า ‘มีใครช่วยออกแบบโลโก้ให้ได้ไหม?’ คนที่มีความรู้เรื่องการออกแบบหรือคนที่ใช้โปรแกรมออกแบบในคอมเป็นก็จะเป็นคนอาสาสมัครทำให้เป็นส่วนมาก คนที่ไม่เคยทำมาก่อนหรือไม่มีประสบการณ์ก็จะรู้สึกว่าตัวเองคงไม่เก่งพอที่จะทำได้เป็นต้น
สิ่งพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดา…ใช่ไหมครับ? ยิ่งเรารู้เยอะ เราก็ยิ่งมีความมั่นใจ และเราก็ยิ่งมีความพร้อมที่จะทำอะไรซักอย่าง
ความมั่นใจทำให้เรามีความกระตือรือร้น เพราะฉะนั้นหากเราไม่รู้สึกมั่นใจในตัวเอง สิ่งที่เราควรทำก็คือการฝึกฝนและการทำซ้ำ ให้หาสถานการณ์ที่คุณสามารถฝึกฝนล้มเหลวซ้ำไปซ้ำมาได้จนกว่าคุณจะเก่งขึ้นและมั่นใจในตัวเอง นอกจากชีวิตคุณจะดีขึ้นแล้ว คนรอบข้างของคุณก็จะเชื่อมั่นในตัวคุณมากขึ้นด้วย เชื่อในตัวคุณที่มั่นใจในตัวเอง และ เชื่อในตัวคุณที่เก่งขึ้น
คนอื่นก็จะเชื่อมั่นในตัวคุณ
ยิ่งคนอื่นเชื่อมั่นในตัวเรา เราก็จะยิ่งมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่มีงานใหม่ที่คุณรู้สึกว่าคุณสามารถทำได้ คุณก็ควรอาสาของานนั้นมากทำ อย่าไปคิดว่าคนอื่นจะเอาเปรียบเราหรือคิดว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของคุณ ให้มองว่าคุณกำลัง ‘ซื้อความมั่นใจในตัวเอง’ และ ‘ความเชื่อมั่นของเพื่อนร่วมงาน’
หากคุณทำงานกลุ่มอยู่และต้องการเลือกหัวหน้างาน คุณจะเลือกใครมากกว่า
- ‘เรามั่นใจว่าเราทำได้ และมีไอเดียสำหรับงานนี้แล้ว คิดว่าทุกคนต้องชอบแน่ๆ’
- ‘เราไม่ค่อยชอบการเป็นหัวหน้าเท่าไร แต่ถ้าคนอื่นไม่อยากทำเราก็ทำให้ได้’
แบบแรกย่อมมีคนเชื่อใจและรับฟังมากกว่าอยู่แล้วครับ หากคุณอยากจะมั่นใจในตัวเองมากขึ้น คุณก็ต้องพูดแบบคนที่มีความมั่นใจในตัวเอง…หลังจากนั้นคนอื่นก็จะมั่นใจในตัวเรามากกว่าเดิม
โอกาสประสบความสำเร็จที่มากกว่า
คำว่าประสบความสำเร็จในชีวิตของหลายๆคนคงมีความหมายไม่เหมือนกัน แต่โดยรวมแล้วคนที่มีความมั่นใจมากกว่าก็ยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าครับ
ผมไม่ได้หมายความว่าคนที่ไม่มั่นใจในตัวเองจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เลย แค่คนที่มั่นใจในตัวเองจะมีข้อได้เปรียบดังนี้
- คนที่มั่นใจในตัวเองมีความกระตือรือร้นที่จะทำให้เป้าหมายในชีวิตของตัวเองเป็นความจริง สามารถก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆเพื่อทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จได้
- คนที่เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเองจะสามารถพยายามซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าจะทำให้ถูกต้อง คนพวกนี้มีมุมมองชีวิตและประสบการณ์ที่จะทำให้สิ่งที่อยากได้เป็นความจริง
หลังจากที่เราเข้าใจข้อดีของการมั่นใจในตัวเองแล้วเรามาดูวิธีสร้างความมั่นใจในตัวเองที่ทุกคนสามารถทำได้กัน
วิธีสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง
วิธีสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง เริ่มจากการเข้าใจข้อดีข้อเสียของตัวเองก่อน คนส่วนมากจะไม่มั่นใจในข้อเสียข้อตัวเอง ซึ่งเราสามารถก้าวผ่านความไม่มั่นใจได้จากการเตรียมตัว การปรับมุมมองความคิด การฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง และการนำข้อดีของเรามาช่วยพัฒนาข้อเสียของเรา
อย่างที่ผมได้อธิบายไปเบื้องต้นแล้ว ความมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝนกันได้ ซึ่งก็หมายความว่าทุกคนสามารถมั่นใจในตัวเองได้เช่นกัน ซึ่งวิธีสร้างความมั่นใจให้ตัวเองก็มีดังนี้ครับ
ทำความเข้าใจตัวเองก่อน
การทำความเข้าใจตัวเองหมายถึงการรู้จุดแข็งและจุดอ่อนของเรา คนส่วนมากจะไม่มั่นใจในตัวเองเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งพอ เพราะฉะนั้นหากเรารู้ว่าจุดไหนในชีวิตที่เราไม่มั่นใจหรือว่ายังอ่อนแออยู่เราก็ควรพยายามทำให้ส่วนนั้นมันดีขึ้น
นอกจากนั้นแล้วเรายังสามารถเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองได้จากการเสริมสร้างสิ่งที่เราทำได้เก่งมากอยู่แล้ว การที่เราอาสาสมัครเอาความสามารถเราไปช่วยคนอื่น หรือสอนคนอื่นพัฒนาทักษะนี้ให้คนอื่น ก็จะช่วยทำให้เรามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
พอเรามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นแล้ว เราก็จะมีพลังใจมากขึ้นด้วย ให้เอาพลังที่ได้มาใหม่นี้มาใช้กับการพัฒนาจุดอ่อนของตัวเองครับ
ซึ่งการพัฒนาจุดอ่อนของตัวเองทำได้หลายอย่าง เราอาจจะทำการศึกษาหาวิธีพัฒนาทักษะด้วยตัวเอง หรืออาจจะชอบการทดลองทดสอบลงสนามจริง หรือบางคนอาจจะชอบให้คนอื่นมาสอนมาช่วยแนะนำ ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีพัฒนาตัวเองแบบไหน หัวใจหลักก็คือการทำซ้ำและไม่ยอมแพ้จนกว่าคุณจะทำได้
ยกตัวอย่างเช่นหากคุณเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออกไม่กล้าคุยกับคนแปลกหน้า คุณก็อาจจะเริ่มง่ายๆก่อนด้วยการเริ่มคุยกับเพื่อนของเพื่อน หรืออาจจะเริ่มด้วยการคุยกับคนที่มีความสนใจอย่างเดียวกับคุณเพื่อให้บทสนทนามันเริ่มได้ง่ายขึ้น ยิ่งคุณทำซ้ำมากเท่าไรคุณก็จะยิ่งรู้สึกว่าคุณได้พัฒนาขึ้นไม่มากก็น้อย
การเตรียมตัวล่วงหน้า
เชื่อหรือไม่ครับว่าคนที่มั่นใจในตัวเองส่วนมากเขามั่นใจเพราะเขาเตรียมตัวมาเยอะแล้ว
ผมขอกลับมาพูดเรื่องตัวอย่างการกล้าพูดกล้าแสดงออกอีกรอบนะครับ คนส่วนมากที่ดูเหมือนเก่งสามารถพูดหน้าชั้นได้โดยไม่ติดขัดหรือไม่รู้สึกเขิน ก็เพราะคนพวกนี้เขาได้ซ้อมมาก่อนแล้วซ้อมมากจนสิ่งที่เขาทำเป็นเหมือนธรรมชาติของเขาไปแล้ว
บางคนอาจจะซ้อมด้วยการพูดด้วยตัวเองซ้ำไปซ้ำมา หรือบางคนอาจจะซ้อมด้วยการลงสนามจริงใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาให้เป็นประโยชน์
ยิ่งคุณเตรียมตัวมากเท่าไร คุณก็จะยิ่งมั่นใจในตัวเองมากเท่านั้น หากคุณประมาทเพราะรู้สึกว่าคนอื่นทำได้เก่งจัง ให้ลองปรับมุมมองความคิดใหม่ แทนที่จะคิดว่าเขาเก่งทำได้โดยธรรมชาติ ให้คิดว่าเขามีความพยายามและฝึกซ้อมมานับไม่ถ้วนแทนครับ
รูปลักษณ์ภายนอก
ในความจริงผมอยากจะบอกว่าความมั่นใจในตัวเองมาจากภายในเท่านั้น แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดจริงๆว่าการแต่งตัวและบุคลิกก็มีผลต่อความมั่นใจในตัวเองของเราเหมือนกัน
ทุกคนมีมุมมองต่อตัวเองทั้งนั้น บางคนก็คิดว่าตัวเองหน้าตาดี บางคนก็คิดว่าตัวเองหน้าตาไม่ดี บางคนก็คิดว่าตัวเองแต่งตัวดี บางคนก็คิดว่าแต่งตัวไม่ดี หากเราเก็บความคิดที่คิดว่าไม่ดีไม่ดีมาซ้อนกันหลายๆชั้นเข้า ความมั่นใจในตัวเองเราก็จะเริ่มหายไป
เพราะฉะนั้นคำแนะนำที่ดีที่สุดก็คือ เราควรจะฝึกบุคลิกและการวางตัวที่ทำให้เรามั่นใจในตัวเองได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามเรื่องพวกนี้มันขึ้นอยู่กับความชอบและความรู้สึกของแต่ละคน
บางคนอาจจะรู้สึกมั่นใจเวลาใส่สูท บางคนอาจจะรู้สึกว่าแต่งตัวเหมือนมาร์คซัคเคอร์เบิร์กใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ทำให้รู้สึกว่ามั่นใจมากขึ้น บางคนอาจจะชอบแต่งหน้าทำผมให้ดูดีก่อนออกไปเจอคนเยอะ
ไม่ว่าเทคนิคหรือทริกของคนจะเป็นยังไงก็ตาม คุณก็ควรใช้รูปลักษณ์ภายนอกของคุณให้เป็นประโยชน์ แต่งตัวและวางตัวในรูปแบบที่ทำให้คุณมั่นใจในตัวเองมากที่สุด หลังจากนั้นคนรอบข้างก็จะสังเกตเห็นผ่านทางการกระทำของคนเองครับ ว่าคุณเป็นคน ‘มั่นใจในตัวเอง’
การคิดบวก
การคิดบวกกับการมั่นใจในตัวเองเป็นของคู่กัน การคิดบวกทำให้เราเห็นโอกาสและเลิกโฟกัสที่ความล้มเหลว ซึ่งแปลว่าเราจะมีความมั่นใจในการทำอะไรใหม่ๆมากขึ้นด้วย
คนที่ไม่คิดบวกและกลัวความล้มเหลวจะไม่กล้าลองอะไรใหม่ๆ ในทางตรงข้ามคนที่คิดบวกจะรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่เจออะไรใหม่ๆ เพราะทุกอย่างคือโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองเสมอ ซึ่งถ้าเราสามารถมีมุมมองชีวิตแบบนี้ได้ตลอดไปเราก็จะกลายเป็นคนที่หมั่นพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ความคิดบวกสร้างความมั่นใจ ความมั่นใจสร้างทักษะ และทักษะก็จะกลับมาทำให้เรามั่นใจมากกว่าเดิม
ยกตัวอย่างง่ายๆก็คือการลองเริ่มงานใหม่เป็นต้นครับ คนส่วนมากกลัวการทำผิดพลาด ยิ่งเป็นความผิดพลาดที่เกี่ยวกับเงินทองหรือชีวิตความเป็นอยู่แล้วยิ่งไม่กล้าลองอะไรใหญ่เลย อย่างไรก็ตามการกลัวกับการ ‘ไม่บริหารความเสี่ยง’ ก็ไม่เหมือนกันนะครับ หากเรากลัวอย่างเดียวโดยที่ไม่ทำอะไรเลย เราก็จะไม่สามารถพัฒนาได้
ถ้าเรากลัวแต่รู้จักวิเคราะห์ความกลัววิเคราะห์จุดอ่อนของตัวเอง และมองหาโอกาสพัฒนาตัวเองได้เรื่อยๆ เราก็จะสามารถเติบโตได้อย่างไม่จำกัด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความคิดของคุณเองทั้งนั้น เพราะความคิดเป็นจุดเริ่มต้นของการกระทำ
ยิ่งเราก้าวผ่านเรื่องยากๆ เรายิ่งรู้สึกมั่นใจในความสามารถตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆครับ หากคุณเป็นคนที่ไม่กล้าลองอะไรใหม่ๆ ผมแนะนำให้เริ่มจากการทำอะไรง่ายๆก่อน แต่แค่ต้องสัญญากับตัวเองว่าทุกครั้งที่ทำอะไรใหม่ ไม่ว่าจะยากจะง่ายแค่ไหน เราต้องไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
สุดท้ายนี้
ผมเชื่อว่าการสร้างความมั่นใจในตัวเองเป็นอะไรที่คุณต้องฝึกฝน ต้องกล้าลองผิดลองถูก แต่หากใครยังไม่กล้าอยู่ก็ลองศึกษาหนังสือ หรือ ดูวิดิโอ how-to ใน YouTube เพื่อหาวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุดครับ
ความมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งที่ได้มากยากและก็ต้องใช้ความพยายามในการรักษา แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่อยู่เหนือความพยายามของเราเลยครับ ประโยชน์ที่เราจะได้จากการเป็นคนมั่นใจตัวเองคือสิ่งที่ทุกคนสมควรที่จะได้รับ
ให้ลองดูว่าในแต่ละมุมชีวิตของคุณมีอะไรที่คุณยัง ‘ไม่มั่นใจในตัวเอง’ อยู่บ้างมั้ย ให้ลองหยิบส่วนนั้นมาพัฒนาด้วยคำแนะนำของบทความนี้ดูนะครับ
บทความล่าสุด
การจัดโต๊ะคอมให้สวยถูกใจ พร้อมฟังก์ชันการใช้งานครบครัน...
ในมุมมองหนึ่ง ‘ลูกคนกลาง’ ดูเหมือนจะต้องแบกรับภาระทางใจอันหนักอึ้ง...