Extrovert คืออะไร? แล้วเราจะเป็นคนชอบเข้าสังคมได้หรือเปล่า

Extrovert คืออะไร? แล้วเราจะเป็นคนชอบเข้าสังคมได้หรือเปล่า

เราจะเห็นอยู่บ่อยๆว่าสังคมเราชอบที่สามารถเข้าหาคนอื่นได้ดี มีนิสัยน่าเริง ยิ่งคนที่สามารถดึงดูดคนรอบข้างได้ ยิ่งมีความได้เปรียบทั้งในหน้าที่การงานและในการใช้ชีวิตส่วนตัว บุคลิกนี้คือสิ่งที่หลายๆคนเรียกกันว่า Extrovert

ในบทความนี้เราจะมาพูดคุยกับเรื่องบุคคล Extrovert หรือผู้คนที่ชอบเข้าสังคม เราไปลองดูกันครับ

Extrovert คืออะไร

Extrovert หมายถึงบุคลิกที่ชอบเข้าสังคม เป็นคนที่ชอบอยู่ออกไปเจอสังคมหรือชอบให้มีผู้คนรอบข้าง Extrovert จะรู้สึกมีความสุขกับการเข้าสังคมมากกว่าการอยู่คนเดียว โดยรวมแล้ว บุคลิก Extrovert จะ มีความเชื่อมั่นในตัวเอง กล้าพูด กล้าแสดงออก

ส่วนใหญ่บุคคลที่มีบุคลิก “Extrovert” พวกเขาชอบการพบปะผู้คนเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าตัวเองมีพลังในการอยู่กับผู้คนเป็นอย่างมาก พวกเขาเหล่านี้ยัง ไม่ชอบเก็บตัว อยู่บ้านเงียบๆคนเดียว เพราะมองว่าเป็นสิ่งที่น่าเบื่อมาก ชอบออกไปสังสรรค์หรือปาร์ตี้กับเพื่อนๆมากกว่า ชอบแสดงความคิดเห็น มีความเป็นตัวของตัวเองสูง  และชอบเป็นจุดเด่นหรือเป็นจุดสนใจของสังคม

นอกจากนี้พวกเขายังสามารถเริ่มต้นสื่อสารและพูดบทสนทนากับผู้อื่นก่อนได้เป็นอย่างดี มีความเป็นมิตร มั่นใจในตัวเอง เข้ากับคนอื่นได้ง่ายเป็นอย่างดี ไม่ชอบอยู่คนเดียว ชอบที่จะทำความรู้จักกับบุคคลใหม่ๆ นับว่าเป็นทักษะที่บุคลิกตรงข้ามอย่าง Introvert อิจฉา

ซึ่งในแง่ของการทำงาน คนที่มีบุคลิก “Extrovert” มักจะมีความก้าวหน้าในด้านหน้าที่การงานเพราะรู้จักเข้าหาคนที่เป็นหัวหน้าหรือเจ้านาย รู้จักพูดรู้จักคุยเป็นอย่างดี อีกทั้งพวกเขายังสามารถเข้ากับเพื่อนร่วนงานได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เมื่อประสบปัญหาหรือพบเจออุปสรรค พวกเขาจะมีโอกาสได้รับการช่วยเหลือเพราะรู้จักกับคนมากหน้าหลายตา

แต่บางทีพวกเขาอาจพูดโดยไม่คิดให้ดีก่อนและมักจะทำก่อนคิดเสมอ และพวกเขายังไม่สามารถจัดระบบความคิดของตนเองได้ดีเท่า Introvert เพราะรับรู้ข้อมูลจากบุคคลอื่น ๆมากเกินไป ทำให้จิตใจว้าวุ่นและสับสนได้ จนรู้สึกว่าความต้องการจริงๆ ของตัวเองคืออะไรกันแน่ ซึ่งนี่ถือว่าเป็นจุดด้อยของคนที่เป็น Extrovert

บุคลิกที่ตรงข้ามกับ Extrovert ก็คือ Introvert ซึ่งเป็นคนที่มีบุคลิกที่ชอบเก็บเนื้อเก็บตัว โลกส่วนตัวสูง

การอยู่คนเดียว ชอบทำอะไรคนเดียวคือความสุขของพวกเขาเหล่านั้น และยังถนัดในทักษะด้านการเขียนมากกว่าการพูด Introvert ส่วนมากพูดน้อย และเลือกที่จะพูดเพียงเรื่องที่สำคัญและมีสาระเท่านั้น พวกเขาคิดมาก ชอบไตร่ตรองก่อนพูดอยู่เสมอ แต่พวกเขาไม่ค่อยเปิดใจที่จะทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ๆจนเสียโอกาสที่เจอคนดี ๆในสังคม และรู้สึกว่าเป็นการสูญเสียพลังเมื่อต้องพูดคุยหรืออยู่กับคนอื่นนาน ๆ

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นคนที่มีบุคลิก “Extrovert” หรือ “Introvert” ทุกคนล้วนมีความแตกต่างกัน

แต่ทุกบุคลิกก็สามารถอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้อย่างแน่นอน เราไม่สามารถตัดสินได้ว่าบุคลิกไหนถือว่าดีหรือไม่ดี อย่าให้ใครมาตำหนิคุณได้ แต่จงยืนหยัดและมีความสุขกับการเป็นตัวของตัวเอง นอกจากนี้มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะใช้บุคลิกของคุณให้โดดเด่นและเกิดประโยชน์มากที่สุดอย่างไรเท่านั้นเอง

สาเหตุของคนเป็น Extrovert

ปัจจัยการเลี้ยงดู

พูดง่ายๆก็คือการเลี้ยงดูเพื่อส่งเสริมให้เด็กมีความชอบเข้าสังคมมากขึ้น

การที่คุณพ่อและคุณแม่มีความคิดที่เปิดโอกาสให้ลูกมีประสบการณ์ที่กว้างขึ้น พยายามพาลูกออกไปท่องเที่ยว ทำกิจกรรมนอกบ้าน หรืออาจจะเป็นกิจกรรมครอบครัวที่สามารถทำร่วมกันได้ เช่น เล่นกีฬา เล่นดนตรี ทำขนม หรือเรียนภาษา เป็นต้น

เมื่อลูกต้องเผชิญกับผู้คนมากมายหรือเป็นสถานการณ์ที่ต้องเป็นจุดเด่นในสังคม คุณพ่อและคุณแม่ควรให้กำลังใจและสนับสนุนลูกอยู่เสมอ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้กับลูก เพื่อให้ลูกมีความกล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออกในสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อลูกแสดงออกในทางที่ไม่ถูกต้อง ควรบอกและชี้แนะ อธิบายด้วยเหตุและผล และความนุ่มนวล ไม่ควรใช้น้ำเสียงเชิงคำสั่งหรือทำให้ลูกรู้สึกไม่ดีและกลายเป็นความทรงจำที่เลวร้ายสำหรับเด็ก

ซึ่งบางครั้งเด็กอาจจะไม่ถูกเลี้ยงดูให้เป็นคนเปิดเผย (Extrovert)โดยตรง แต่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่เป็นปัจจัยทางอ้อม นั่นคือการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ ซึ่งหมายถึงปู่ย่า ตายาย หรือญาติ เพราะบางครั้งเด็กอาจไม่ได้อยู่กับคุณพ่อและคุณแม่ แต่จำเป็นต้องให้คนในครอบครัว ดูแลแทน มีโอกาสที่เด็กจะเกิดการซึมซับพฤติกรรมอย่างไม่รู้ตัว

เมื่อเด็กได้มีโอกาสได้ร่วมกิจกรรมหรือเรียนรู้สิ่งใหม่ๆกับเพื่อนๆในกลุ่มในเพื่อนในชั้นเรียน ผู้ปกครองสามารถฝึกให้ลูกมีความเป็นผู้นำ แก้ไขปัญหาเอง ถ้าลูกทำไม่ได้จริง ๆ คุณพ่อและคุณแม่ควรชี้แนะและสอนให้เขาเข้าใจและลองลงมือทำก่อน เมื่อลูกทำสำเร็จ พวกเขาจะรู้สึกภูมิใจ มั่นใจ และกล้าคิด กล้าทำมากขึ้น

ที่สำคัญคือคุณพ่อคุณแม่ต้องพยายามให้ลูกได้เป็นตัวของตัวเอง รู้จักชื่นชมหรือชมเชย เมื่อลูกทำสำเร็จในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่ควรใช้คำพูดที่ทำให้ลูกรู้สึกแย่และเกิดความไม่มั่นใจ รู้สึกไม่มีคุณค่า และไม่มีความภูมิใจตัวเอง

อย่างไรก็ตามการชื่นชมหรือชมเชยควรอยู่ในระดับที่พอเหมาะ ไม่ควรทำให้ลูกรู้สึกมั่นใจในตัวเองเกินไป เพราะจะส่งผลเสียต่อลูกด้วย เช่น เมื่อลูกทำผิดพลาดก็ต้องให้ลูกรู้จักการแก้ไข ไม่ควรบอกว่าถูกหรือไม่เป็นไรตลอด ควรสอนให้ลูกรู้จักความสำเร็จและความล้มเหลวบ้าง และให้พวกเขาเรียนรู้จากความล้มเหลวหรือความผิดพลาดเหล่านั้นว่าถ้าเกิดขึ้นแบบนี้ ควรจะรับมืออย่างไรดี

ปัจจัยพันธุกรรม

ปัจจัยพันธุกรรมเป็นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้ คนบางคนก็เกิดมาชอบเข้าสังคม คนบางคนก็รักการอยู่คนเดียว ถึงแม้ว่าจะถูกเลี้ยงดูเหมือนกันก็ตาม

พันธุกรรมมีส่วนทำให้รูปร่าง หน้าตา สีของผิวพรรณ ดวงตาและผม ทั้งนี้สีของผิวและผมเกิดการเปลี่ยนได้ เนื่องจากสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น โดนรังสียูวีจากแดดหรือสารเคมีบางชนิดทำให้สีผมเปลี่ยนไป

แต่ในเรื่องของบุคลิกภาพ มีการรายงานการศึกษาซึ่งพบว่าพันธุกรรมถือเป็นรากฐานที่ทำให้คนมีลักษณะชอบเปิดเผย (Extrovert) อาจเกิดจากคุณพ่อและคุณแม่อาจจะเป็นคนที่ชอบเข้าสังคม ชอบเปิดเผย ช่างพูด ช่างคุย มีมนุษย์สัมพันธ์ดีหรือเป็นแค่คุณพ่อหรือคุณแม่เพียงคนเดียว หรือแม้กระทั่งเกิดจากคุณปู่ย่า ตายาย ก็เป็นได้       

เด็กที่เกิดมาตัวใหญ่ สายตาดี ก็อาจจะกลายเป็นคนที่เล่ากีฬาเก่ง คนรอบข้างชื่นชม จนพัตนาไปเป็นบุคลิกชอบเข้าสังคมอย่างไม่รู้ตัวก็ได้

ทั้งนี้ปัจจัยการเลี้ยงดูและพันธุกรรมมีผลต่อบุคลิกต่อลูกอย่างแน่นอน คนที่มีบุคลิก “Extrovert” นั้นเกิดจาการที่คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงดูโดยมีความคิดที่เปิดกว้าง ให้ลูกค้นหา ทดลองหาประสบการณ์หรือทำกิจกรรมใหม่ๆร่วมกับเพื่อนๆ ทำให้ลูกรู้จักแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง คุณพ่อคุณแม่คอยให้กำลังใจและสนับสนุนเป็นอย่างดี มีส่วนช่วยทำให้ลูกมีความมั่นในตัวเอง กล้าคิด กล้าทำ และกล้าแสดงออก รู้จักการเข้าหาหรืออยู่ร่วมกับผู้อื่นได้

เราสามารถกลายเป็น Extrovert ได้หรือเปล่า

หากเรามองว่า Extrovert/Introvert เป็นบุคลิกอย่างหนึ่ง และคนเราสามารถเปลี่ยนหรือปรับปรุงบุคลิกกันได้ เราก็สามารถบอกได้ว่า เราสามารถกลายเป็น Extrovert ได้ เช่นกัน (ส่วนเรื่องความยากง่าย หรือความคุ้มที่จะเปลี่ยน ก็ต้องมาพิจารณากันอีกที)

ทุกคนสามารถเป็น Extrovert ได้ ซึ่งปัจจัยภายนอกหรือสภาพแวดล้อม เป็นสิ่งที่ทำให้แต่ละคนมีบุคลิกภาพที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่น คนที่บุคลิกของ “Introvert”ก็สามารถเปลี่ยนเป็น “Extrovert” ได้ เพียงแค่คอยปรับเปลี่ยนตัวเองออกจาก comfort zone ทีละเล็กทีละน้อย เพื่อให้คุณได้เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เช่น ไปกินชาบูกับเพื่อน จากที่ไม่เคยกินเนื้อวัว ก็ลองกินดูบ้าง

นอกจากนี้อาจจะมีการกำหนดเป้าหมายหรือเรื่องใหม่ๆในแต่ละวันเพื่อเป็นการท้าทายตัวเอง ช่วงแรก ๆอาจจะดูยากหน่อย แต่มันช่วยทำให้คุณรู้จักการเตรียมความพร้อมกับการเรียนรู้ในเรื่องใหม่ๆดูบ้างแม้กระทั่งการพูดในที่ประชมหรือที่สาธารณะ ในส่วนนี้คุณควรมีการจัดระเบียบ วางแผนให้ดีและครอบคลุม เพื่อลดความกังวลและประหม่าน้อยลง

เมื่อต้องเข้าไปอยู่ในที่มีผู้คนมากมาย ควรฝึกฝนที่จะเข้าไปพุดคุยกับคนแปลหหน้าในงานปาร์ตี้หรืองานสังคม โดยส่วนใหญ่คนที่เก็บตัวมักมีการเตรียมพร้อมและวางแผนอยู่แล้ว คุณอาจจะเตรียมเรื่องที่พูดคุยโดยใช้คำถามปลายเปิด เช่น “คุณชอบอะไรในจังหวัดนี้” ซึ่งจะเป็นการชักชวนให้คนที่เราคุยด้วยเข้าหาเรา และทำให้มีบทสนทนาที่จะคุยกันต่อไป

การเข้าร่วมชมรมหรือกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแสดงละคร การเล่นดนตรี โยคะ การทำสมาธิ อาจจะคุยกับเพื่อนข้างๆ หรือถามครูสอนโยคะบ้างก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องพูดคุยหรือทำความรู้จักกับทุกคนถึงจะเรียกว่าเป็นคน “Extrovert” ซึ่งไม่ใช่ความจริงเสมอไป

สุดท้ายนี้เกี่ยวกับ Extrovert

สุดท้ายนี้ถึงแม้ว่าสังคมปัจจุบันจะเริ่มให้ความสำคัญกับหน้าที่และทักษะเฉพาะทางมากขึ้น แต่เราก็เห็นได้บ่อยๆว่าผู้นำในสังคมส่วนมากมักมีบุคลิก Extrovert (เน้นว่าส่วนมาก ไม่ใช่ทั้งหมด)

เราสามารถทำตัวแปลกแยกหรือแตกต่างได้ ตราบใดที่การตัดสินใจและการกระทำของเราไม่ไปรบกวนสิทธิของคุณอื่น คำพูดนี้ใช้ได้กับทั้งบุคลิก Extrovert หรือ Introvert คุณควรยอมรับและเคารพกับสิ่งที่ตัวเองเป็น และไม่ควรดูถูกบุคลิกของคนที่แตกต่างจากเราด้วย ควรเคารพซึ่งกันและกัน เพราะทุกคนมีจุดเด่นหรือจุดแข็งที่นำมาใช้ที่แตกต่างกันอยู่แล้ว

คิดไว้เสมอว่า คุณอยากทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ เพราะมันเติมเต็มชีวิตคุณและทำให้คุณมีความสุข ไม่ต้องให้ใครมาบอกหรือตัดสินว่าคุณควรเป็นแบบนั้น ต้องทำแบบนี้ คุณควรภูมิใจและรักในสิ่งที่ตัวเองเป็นจะดีที่สุด

บทความล่าสุด