ความผิดหวังเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถเลี่ยงได้หรอกครับ
คนเรามีเรื่องให้ผิดหวังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการโดนปฏิเสธสัมภาษณ์งาน การทำงานออกมาได้ไม่ดี การไปกินร้านอาหารที่ไม่อร่อย – ต่อให้เราใช้ชีวิตแบบรอบคอบแค่ไหน ความผิดหวังก็เกิดได้
…และมันก็เกิดได้กับทุกคนด้วย ชีวิตทุกคนมีขึ้นมีลง ต่อให้คนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดอย่างสตีฟ จ๊อบยังมีวันที่เคยถูกไล่ออกจากบริษัทของตัวเองได้เลย
ความผิดหวังและความเสียใจเป็นสิ่งที่ทำให้เรากลัวการทำอะไรใหม่ๆเสมอ แต่มันต้องไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนี้เลย ในวันนี้เรามาดูวิธีรับมือความผิดหวังและความเสียใจเพื่อที่เราจะสามารถลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้อีกครั้งกันครับ แต่ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนว่าทำไมความผิดหวังความเสียใจถึงเจ็บมากมายขนาดนี้
ทำไมความผิดหวังถึงเจ็บปวด
ความผิดหวังหรือการที่สิ่งที่เราคาดหวังไม่เป็นจริงจะทำให้ร่างกายเราเกิดความเครียดกับความเศร้า และร่างกายที่อยู่ในสภาพนี้ก็จะไม่สามารถผลิตฮอร์โมนความสุข การขาดฮอร์โมนความสุขจะทำให้ร่างกายเรามีอาการซึมเศร้า นอนไม่หลับ หรือวิตกกังวลได้
แทนที่จะเริ่มด้วยการพูดเรื่องความเจ็บปวดและความเศร้า ผมขออธิบายเรื่องสิ่งตรงกันข้ามก่อนนะครับซึ่งก็คือ ‘ความสุข’
ทุกครั้งที่เราประสบความสุข ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งมาราธอนสำเร็จ การได้กินอะไรอร่อยๆ หรือการได้รับความรัก ร่างกายของเราก็จะผลิตฮอร์โมนแห่งความสุขออกมาให้ตัวเอง ฮอร์โมนแห่งความสุขพวกนี้เป็นเหมือนแรงจูงใจทางวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ที่ทำให้เราอยากได้ความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งอาการผิดหวังมันก็คือการตรงกันข้ามกันนั่นแหละครับ ร่างกายเราไม่ได้รับฮอร์โมนแห่งความสุข และร่างกายคนเราเมื่อไม่ได้รับฮอร์โมนแห่งความสุขก็จะอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า ‘เศร้า’ และ ‘เจ็บปวด’ อาการของร่างกายที่ขาดฮอร์โมนความสุขก็จะมีอาการปวดหัว มวนท้อง หรือบางคนมีเหงื่อมากเป็นพิเศษ
และหากเราเป็นมากๆ มันก็มีโอกาสที่เราจะมีอาการซึมเศร้าหรือวิตกกังวล
อย่างไรก็ตามความเศร้าก็คือความเศร้า ความเจ็บปวดก็คือความเจ็บปวด การใช้วิทยาศาสตร์อธิบายอารมณ์ความรู้สึกอาจจะทำให้ปัญหามันดูโรแมนติกน้อยลง
…และต่อให้เราเข้าใจระบบของร่างกายเราดีแค่ไหนมันก็ยากที่เราจะก้าวข้ามผ่านความรู้สึกนี้ไปได้
เพราะฉะนั้นเรามาลองทำความเข้าใจวิธีรับมือความผิดหวังและความเสียใจดูกันครับ
วิธีรับมือความผิดหวังและความเสียใจ
ความผิดหวังมีอยู่สองรูปแบบ อย่างแรกก็คือการผิดหวังจากสิ่งที่เราเลี่ยงไม่ได้ และ สิ่งที่สองก็คือความผิดหวังเพราะเราคาดหวังมากเกินไป
ซึ่งสิ่งที่ทำให้เราผิดหวังก็มีได้หลายอย่างมากมาย ผมคิดว่าไม่มีวิธีไหนที่สามารถใช้ได้ทุกกรณีและเหมาะสำหรับทุกคนหรอก ผมแนะนำให้ทุกคนลองอ่านแต่ละวิธีดู และดูว่ามีวิธีไหนเหมาะสมกับสถานการณ์และความชอบความถนัดของเรามากที่สุด
#1 ให้เวลาทำใจ
อย่างแรกเลยก็คือเวลาที่เรารู้สึกผิดหวังหรือเสียใจ สมองเราจะบอกตัวเราว่าเราไม่ได้สิ่งที่เราต้องการเพราะฉะนั้นเราควรจะเศร้า และร่างกายก็จะตอบสนองความต้องการของสมองต่อด้วยการทำให้ร่างกายรู้สึกเศร้ามากขึ้น เช่นอาการปวดหัวอาการเครียดตามที่ผมได้อธิบายไปข้างบนแล้ว
การให้เวลาทำใจกับตัวเอง นอกจากจะให้เวลาคุณได้พิจารณาสถานการณ์แล้ว คุณยังให้เวลาร่างกายในการปรับตัวและรับมือกับสภาวะที่เปลี่ยนไปได้อีกด้วย
เวลาทำใจของแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากัน บางคนใช้เวลาแค่ไม่กี่วัน แต่บางคนใช้เวลาหลายปีก็ไม่สามารถก้าวผ่านความผิดหวังตัวเองได้
นอกจากนั้นแล้วในระหว่างที่รอกำลังรอทำใจ เราก็สามารถใช้เวลานี้ในการคิดวิเคราะห์สถานการณ์ ทำความเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของตัวเอง หรือหาวิธีแก้ไขปัญหาและผลลัพธ์แง่ลบที่อาจจะตามมาพร้อมความผิดหวัง
#2 ปล่อยโฮออกมา
หนึ่งในวิธียอมรับความผิดหวังและยอมรับความเสียใจที่ดีที่สุดก็คือการยอมรับอารมณ์และความรู้สึกของตัวเอง เพราะฉะนั้นบางครั้งเราถึงต้องปล่อยโฮออกมา
การร้องไห้ไม่ได้หมายความว่าเราอ่อนแอเสมอไป การร้องไห้หมายความว่าเราเข้าถึงอารมณ์และความรู้สึกของร่างกายตัวเอง เรายอมรับว่าในตอนนี้เรารู้สึกเสียใจหรือรู้สึกผิดหวัง เราเข้าใจว่าร่างกายต้องการร้องไห้เพื่อที่จะสามารถก้าวผ่านปัญหาครั้งนี้ได้
แต่เราก็ต้องซื่อสัตย์กับตัวเองด้วยนะครับ หากเราปล่อยให้ตัวเองยอมรับอารมณ์ผิดหวังเสียใจนี้ไปแล้ว หากเราร้องไห้ครั้งใหญ่ไปแล้ว เราก็ต้องสัญญากับตัวเองว่าเราจะเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้นและสามารถลุกขึ้นมาสู้กับปัญหาครั้งต่อไปได้
ในเชิงวิทยาศาสตร์การร้องไห้จะทำให้ร่างกายรู้สึกเครียดน้อยลง และการนอนหลับจะทำให้ร่างกายฟื้นฟูพลังงานได้มากขึ้น เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะกลัวการร้องไห้หรือการทำอะไรที่คนอื่นอาจจะเห็นว่าอ่อนแอ
#3 ถามตัวเองว่ามันน่าผิดหวังจริงหรือเปล่า
บางครั้งความผิดหวังและความเสียใจมันก็เกิดขึ้นในสมองและจินตนาการของเราอย่างเดียว
ความผิดหวังและความเสียใจบางอย่างถ้าเราดูความเป็นจริงและถามตัวเองจริงๆแล้วอาจจะไม่ได้น่าเสียใจหรือน่าผิดหวังขนาดนั้น ความผิดหวังบางอย่างพอมองกลับมา 5 ปี 10 ปีให้หลังมันก็ดูกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลยครับ
ยกตัวอย่างง่ายๆก็คือสมัยที่เราเรียนอยู่รอทำข้อสอบไม่ได้และรู้สึกว่าโลกกำลังพังทลาย ทุกอย่างไม่มีค่าเหลือเกิน แต่พอเรากลับมาอีกครั้งหลังจากที่เราเรียนจบแล้วมันก็แอบทำไม่ได้จริงๆที่เราเคยกังวลเรื่องปัญหาพวกนี้มากมายขนาดนั้น
เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่คุณรู้สึกผิดหวังหรือเสียใจให้ลองถามตัวเองว่ามันน่าเสียใจหรือน่าผิดหวังขนาดนั้นหรือเปล่า บางคนอาจจะใช้วิธีคุยกับเพื่อนหรือคนในครอบครัวเพื่อที่จะได้มุมมองที่ตัวเราในขณะ ‘เสียใจ’ อยู่ยังคิดไม่ได้
#4 หาอะไรที่มีความสุขทำ
หากความผิดหวังและความเศร้ามันเจ็บปวดเพราะเราไม่มีความสุข วิธีแก้ปัญหาที่ตรงไปตรงมาที่สุดก็คือการหาความสุขให้ตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆเดี๋ยวความสุขอันยิ่งใหญ่ก็ให้ลองดูคำว่าอันไหนเราสามารถทำเป็นรางวัลปลอบใจให้ตัวเองได้บ้าง อาจจะเป็นการออกไปหาอะไรที่เราชอบกิน การดูหนังตลกๆ หรือแม้แต่การออกไปเที่ยวในสถานที่ที่เราไม่เคยไปมาก่อน
การหาความสุขให้ตัวเองไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรือน่าอาย เราแค่ต้องเข้าใจว่าร่างกายของเราขาดความสุขในขณะนี้ และสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราตอนนี้ก็คือการเพิ่มความสุขให้ตัวเองก็แค่นั้น
ความสุขแต่ละอย่างก็มีข้อจำกัดของมันนะครับ คนที่เศร้าเสียใจหรือผิดหวังมีโอกาสที่จะเสพติดความสุขมากเกินไปจนลืมดูข้อเสียของความสุขนานๆ อาจจะเป็นอะไรง่ายๆเช่นการกินไอศครีมมากเกินไปจนทำให้อ้วน หรือการใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายให้รางวัลตัวเองจนเกินความดีงามไป
#5 เปลี่ยนมุมมองของเรา
เคยมีคนบอกว่า ทุกความผิดหวังเป็นโอกาสให้เราเรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้เสมอ
บางครั้งความผิดหวังความเสียใจก็ไม่ได้นำมาแต่เรื่องแย่ๆเสมอไป การที่เราหลงทางอาจจะทำให้เราเห็นทางใหม่ๆที่เราไม่เคยไปมาก่อน การที่เราโดนคนหลอกก็ทำให้เราสามารถรักคนที่จริงใจกับเราได้มากกว่าเดิม
หากเราสามารถยอมรับได้ว่าทุกคนก็มีโอกาสล้มเหลวผิดหวังหรือเสียใจได้เสมอ เราก็จะเข้าใจได้ว่าความล้มเหลวความผิดหวังมันก็คือโอกาสให้เราเรียนรู้อะไรได้ใหม่ๆครับ
สิ่งที่สำคัญก็คือ เราต้องเปิดใจให้กว้าง พยายามมองโลกในแง่ดี
ในกรณีที่คุณยังจมอยู่กับความเศร้าเสียใจอยู่ ให้ลองจดข้อดีและข้อเสียของสถานการณ์นี้เอามาดู ยกตัวอย่างเช่นมีอะไรที่คุณพูดหรือทำผิดไปที่สามารถเรียนรู้แก้ไขได้ในอนาคตหรือเปล่า มีอะไรเกี่ยวกับตัวเราที่เราเพิ่งค้นพบหรือเรียนรู้เพราะเหตุการณ์นี้หรือเปล่า หรือมีใครที่ยังอยู่เคียงข้างเราเวลาเราเศร้าเสียใจหรือเปล่า
เพียงแค่คุณหาอะไรดีๆสักอย่างในชีวิตคุณเจอ (ซึ่งมันมีมากมายหลายอย่างมากเลยครับคุณก็ต้องหาให้มันเจอ) คุณก็สามารถก้าวผ่านความเสียใจและความผิดหวังได้แล้ว
#6 ดูแลร่างกายตัวเองก่อน
ขอวนกลับมาคุยเรื่องฮอร์โมนแห่งความสุขอีกรอบครับ
ร่างกายที่แข็งแรงและได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอจะสามารถฟื้นฟูจากสภาวะความเครียดและความเศร้าได้ดีกว่าเดิม
ความผิดหวังและความเศร้าจะทำให้เกิดความเครียด ความเครียดจะทำให้ร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนแห่งความสุขและทำงานได้อย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นเราสามารถแก้ปัญหาตรงส่วน ‘ระบบการผลิต’ นี้ได้โดยการดูแลสุขภาพของเราเอง
ยกตัวอย่างง่ายๆครับ หากคุณลองถามคนที่วิ่งมาราธอนหรือวิ่งที่สวนลุมดูว่าเวลาวิ่งเสร็จแล้วเขารู้สึกยังไงบ้าง คำตอบที่คุณจะได้ก็คือเขารู้สึกสดชื่นและมีพลังงานมากกว่าเดิม นั่นก็เพราะว่าร่างกายของเขาได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นหากคุณรู้สึกเศร้าหรือเสียใจให้ลองออกไปวิ่งหรือออกกำลังกายให้ได้เหงื่อดูครับ รับรองคุณจะรู้สึกดีขึ้นทันที
มันอาจจะฟังดูง่ายไปหน่อยแต่มันได้ผลจริงๆนะครับ เพียงแค่คุณออกกำลังกาย กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และนอนหลับอย่างเพียงพอ คุณก็จะฟื้นจากอาการผิดหวังและเสียใจได้แล้ว
#7 ระบายความรู้สึกซักทาง
หากความรู้สึกเศร้าเสียใจผิดหวังมันติดอยู่ภายในใจของคุณ จนทำให้คุณรู้สึกอึดอัด คุณก็ต้องหาวิธีระบายมันออกมา
การระบายความรู้สึกทำได้หลายวิธีมากเลยครับ บางคนอาจจะระบายด้วยการพูดคุยกับเพื่อนหรือครอบครัว บางคนอาจจะระบายด้วยกันไปร้องคาราโอเกะ หรือบางคนอาจจะระบายด้วยการเขียนความรู้สึกนั้นออกมา
การระบายความรู้สึกก็คือการระบายความเครียดอย่างหนึ่ง นอกจากนั้นแล้วยิ่งเราระบายด้วยการสื่อสารหรือการเขียน เราก็ยิ่งมีโอกาสในการคิดและอธิบายความรู้สึกตัวเองมากกว่าเดิม
มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมครับ มันยากที่เราจะสามารถก้าวผ่านปัญหาหลายๆอย่างในชีวิตได้ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นมนุษย์เลยประดิษฐ์สิ่งที่เรียกว่าวิธีสื่อสารออกมา หากเราเรียนรู้ที่จะสื่อสารหรืออธิบายความรู้สึกนี้ให้คนอื่นฟังได้ เรียนรู้ที่จะพึ่งพาคนอื่นเวลาที่เราลำบาก เราก็จะลดภาระที่เราแบกไว้โดยไม่จำเป็น เพราะคุณเชื่อเถอะครับคนที่รักเราย่อมอยากจะฟังปัญหาของเราอยู่แล้ว
#8 ยอมรับและหาวิธีทำให้ดีขึ้นในอนาคต
หลายครั้งที่เราอาจจะโชคร้ายหรือทำผิดจนตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว ในกรณีนี้สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการยอมรับผิด ยอมรับสถานการณ์ที่เราเป็นอยู่ และหาวิธีทำให้มันดีขึ้นในอนาคต
ยกตัวอย่างเช่น นักธุรกิจหลายคนที่เคยประสบความสำเร็จแต่เจอมรสุมเศรษฐกิจทำให้กิจการกลายเป็นแย่ คนพวกนี้น่าสงสารอย่างหนึ่งเพราะเคยอยู่ในจุดสูงสุดของสังคม แต่จุดยืนนั้นกลับถูกพังทลาย
คนที่ผิดหวังหรือล้มเหลวแต่ไม่ยอมรับสถานการณ์ของตัวเอง ก็จะไม่สามารถลุกขึ้นมาแก้ไขสถานการณ์ให้มันดีขึ้นได้ ในกรณีของนักธุรกิจประเภทนี้ เขาก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างคนรวยอยู่ใช้เงินเกินความจำเป็นของตัวเอง เพราะไม่ยอมรับความเป็นจริงว่าตัวเองได้ทำผิดพลาดไปแล้วเป็นต้น
อย่างไรก็ตามการยอมรับสถานการณ์ของเราไม่ได้แปลว่าเราต้องอยู่อย่างคนที่ไม่มีความสุขเสมอไป เราแค่ต้องเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับสิ่งที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน หาวิธีป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้นได้ในอนาคต และเรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเองเพื่อให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นเรื่อยๆต่อไป
#9 มองภาพรวมให้กว้างมากขึ้น
ความเศร้าความผิดหวังส่วนมากเกิดขึ้นเพราะเราโฟกัสกับสิ่งที่เราต้องการมากเกินไป เพราะสิ่งที่เราต้องการมันไม่เป็นจริงเราก็เลยรู้สึกผิดหวัง
แต่โลกของเรากว้างมากกว่าความคิดในหัวของเราครับ
คุณอาจจะปรับมุมมองตัวเอง คิดดูว่าอีก 5 ปี 10 ปีในอนาคตปัญหานี้คงไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นแล้ว
หรืออาจจะปรับมุมมองให้มองโลกในแง่ดีว่าทุกอย่างมันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เราอาจจะเลือกที่จะอยู่กับความสุขหลายๆอย่างในชีวิตหรือเลือกที่จะทุกกับสิ่งไม่ดีแค่ไม่กี่อย่างก็ได้
หรือคุณอาจจะมองปัญหาของตัวเองเทียบกับคนอื่นๆที่มีปัญหามากกว่าต้น เช่นวันนี้เราโดนหวยกินเสียเงินไปหลายพัน แต่ถ้าเทียบปัญหากับคนที่เล่นหุ้นเสียเงินไปหลายล้านแล้วปัญหาของเราก็เลยดูเล็กไปเลย
มีคนเคยแนะนำว่าการแก้อาการผิดหวังเสียใจที่ดีที่สุด ก็คือการให้ การให้ (เช่นการไปอาสาสมัครช่วยเหลือคนอื่น การบริจาค หรือการทำบุญ) จะช่วยให้เราเลิกสนใจแต่ปัญหาของตัวเอง และปรับมุมมองทำความเข้าใจปัญหากับคนอื่นให้มากกว่าเดิม ยิ่งเราโฟกัสเรื่องตัวเองน้อยลง ความผิดหวังกับความเศร้าก็จะน้อยลงเรื่อยๆ
ทั้งปัญหาและมุมมองชีวิตก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนทั้งนั้นครับ ไม่มีใครบอกได้ว่าปัญหานี้สำคัญจริงหรือเปล่า หรือมุมมองนี้ถูกต้องจริงหรือเปล่า แต่สิ่งที่คุณต้องเชื่อก็คือโลกนี้มีสิ่งดีๆอยู่มากมายแล้วเราไม่ควรปล่อยให้ความคิดในแง่ลบมาปิดกั้นไม่ให้เรารับรู้ความสุขเรานั้น
#10 ลดการเสพอารมณ์ติดลบ
สมองของคนเราเป็นสิ่งที่แปลก เวลาที่เราทำอะไรผิดหรือเจอความผิดหวัง สมองของเราก็จะคิดเรื่องความผิดหวังนี้ซ้ำไปซ้ำมา เหมือนเป็นการย้ำตัวเองว่าอย่าทำเรื่องนี้อีกนะมันไม่ดี
ยิ่งสมองย้ำคิดเยอะแค่ไหน ร่างกายของเราก็จะยิ่งรู้สึกเศร้ามากขึ้นเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วการย้ำคิดพวกนี้มันก็เยอะเกินความจำเป็นไปหน่อย
หากคุณทำผิดหรือเจออะไรที่คุณผิดหวังมา มันเป็นเรื่องโอเคที่จะรู้สึกเสียใจในครั้งแรก แต่การที่เราปล่อยให้สมองตอกย้ำตัวเองด้วยความผิดพลาดนี้ซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆมันไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับตัวเราเลย
ยกตัวอย่างเช่น เวลาคนที่อกหักมาสิ่งที่คนส่วนมากทำก็คือเปิด YouTube ฟังเพลงอกหักให้ตัวเองเศร้าขึ้นไปอีก ผมเข้าใจคำว่าเพลงมันเพราะขึ้นเวลาอกหัก แต่เราจะไปลงโทษร่างกายตัวเองมากมายขนาดนั้นทำไม ยิ่งรอฟังเราก็ยิ่งรู้สึกเศร้ามากขึ้น
หาคุณผิดหวังเลยรู้สึกเศร้า ให้ลองสังเกตพฤติกรรมตัวเองดูนะครับว่า พฤติกรรมแต่ละอย่างนี้สนับสนุนให้คุณมีความสุข หรือเป็นการทำให้คนเสพติดอาการติดลบมากขึ้นกันแน่
#11 คุณค่าของคุณคืออะไรและอยู่ที่ไหนกันแน่
สุดท้ายนี้คุณต้องเตือนตัวเองเสมอว่าคุณค่าของคุณคืออะไรและอยู่ที่ไหนกันแน่
คำถามชุดแรกที่ควรจะถามตัวเองก็คือ: คุณเป็นคนยังไง ชอบทำอะไร และอะไรสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณกัน
หลังจากที่คุณเข้าใจตัวเองแล้ว ให้คุณถามตัวเองด้วยคำถามชุดที่ 2 ว่า: คุณจะยอมปล่อยให้ความผิดหวังและความเสียใจพวกนี้เปลี่ยนตัวตนของคุณ เปลี่ยนคุณค่าของความเป็นตัวคุณได้ขนาดนั้นเลยหรอ
หากคุณบอกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณก็คือครอบครัว คุณจะปล่อยให้ความผิดหวังและความเศร้าครั้งนี้มารบกวนชีวิตคุณจนทำให้ครอบครัวคุณต้องเป็นห่วงหรือเปล่า
หรือในกรณีที่คุณสูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิตของคุณไปจริงๆ สิ่งอื่นๆในชีวิตที่สำคัญสำหรับคุณคืออะไรกันบ้าง แล้วคุณจะดูแลเก็บรักษาสิ่งเหล่านั้นได้ดีมากขึ้นได้ยังไง
มนุษย์เรามีพลังพิเศษอยู่ครับ ผมเรียกว่าพลังแห่งความเชื่อ ตราบใดที่เรายังมีสิ่งที่เราเชื่อมั่น สิ่งที่เราเห็นคุณค่าอยู่ เราก็จะสามารถลุกขึ้นมาทำอะไรที่เราคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ได้เสมอ
สุดท้ายนี้ ผมเชื่อว่าผมไม่มีใครที่สามารถเลี่ยงความเสียใจหรือความเศร้าได้ตลอดทั้งชีวิต ชีวิตของเรามีความหมายเพราะว่ามันมีทั้งการขึ้นและการลง แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเราต้องกลัวความเสียใจจนเลิกมีความสุขในชีวิตไป เราแค่ต้องเรียนรู้ที่จะต่อสู้กับความเสียใจและความเศร้าในชีวิต และหาวิธีลุกขึ้นมาใช้ชีวิตหาความสุขให้ตัวเองใหม่อีกรอบ
แล้วทุกครั้งที่เราทำได้ เราก็จะเป็นคนที่เก่งและแกร่งขึ้นเสมอ
บทความเกี่ยวข้องที่เราแนะนำ
- 7 สิ่งที่ควรรู้เวลาคุณรู้สึกไม่ดีพอ
- Stoicism คืออะไร? การอดทนและควบคุมตนเอง แบบสโตอิก
- ความกลัวคืออะไร? เราจะเอาชนะความกลัวได้อย่างไร?
บทความล่าสุด
การจัดโต๊ะคอมให้สวยถูกใจ พร้อมฟังก์ชันการใช้งานครบครัน...
ในมุมมองหนึ่ง ‘ลูกคนกลาง’ ดูเหมือนจะต้องแบกรับภาระทางใจอันหนักอึ้ง...