ใครที่ไม่เคยโดนกับตัวอาจจะไม่รู้ซึ้งดีพอ แต่รู้หรือไม่ว่าการถูกมองเป็นคนไม่สำคัญ เป็นความเศร้าและปวดใจมาก ๆ ทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เราคิดว่า ตัวเราเองมีความสำคัญสำหรับเขามาก แต่กลับกลายเป็นว่า จริง ๆ แล้ว เราไม่ได้สำคัญเท่าที่คิดไว้ และถึงแม้จะเข้าใจได้ว่า ความสำคัญแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากัน ไม่เห็นจะแปลกอะไร แต่พอเกิดกับตัวเข้าจริง ๆ ก็กลับมานั่งเสียใจ ผิดหวัง รู้สึกตัวเองลีบเล็กลงทันที ก็จะทำไงได้ล่ะ ในเมื่อมนุษย์เราอยู่กับความคาดหวังตลอดเวลา
แต่อย่าลืมว่า หากรู้สึกไม่สำคัญขึ้นมา อาจเป็นเราที่คิดเองเออเองทึกทักเอาเองก็ได้ว่า ไม่ได้รับการยอมรับ ไม่มีค่า เป็นคนไม่สำคัญถูกเมินเฉย หรือเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นขึ้นมาจริง ๆ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ คิดใหม่ทำใหม่ ปรับตัวเองใหม่ เพื่อเรียกความเป็นคนสำคัญกลับมา หรือกลับมายืนอยู่ในจุดที่เคยยืนให้เร็วที่สุด แต่จะทำอย่างไรได้บ้างนั้น วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการต่าง ๆ ว่าเมื่อรู้สึกไม่สําคัญ ควรปรับตัวอย่างไรบ้าง
วิธีปรับตัวเวลาเรารู้สึกไม่สำคัญในชีวิตคนอื่น
#1 ปรับทัศนคติตัวเองใหม่
แน่นอนว่าเมื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่สำคัญ หรือด้อยค่าลงไป หลายคงมักจะสติหลุดออกจากร่าง จนคิดอะไรฟุ้งซ่าน มโนอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนบางครั้งกลายเป็นวิตกจริต และทำอะไรไม่ได้เลย เพราะความกังวล หากปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ดีแน่นอน ต้องรีบพาตัวเองกลับมาในจุดที่เคยเป็น พูดคุยปรับความเข้าใจกับตัวเองเสียใหม่ว่า ตอนนี้เราทำอะไรอยู่ และมีเป้าหมายอะไร กำหนด Growth Mindset ขึ้นมา เพื่อให้ตัวเราคิดแบบไปข้างหน้า
การให้กำลังใจตัวเอง หรือชื่นชมตัวเองไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเมื่อเราตั้งต้นในการเห็นคุณค่าตัวเองก่อน คนอื่นจะเห็นคุณค่าเราด้วยเช่นกัน การใช้เวลาอธิบายตัวเองใหม่ให้ชัดเจน จะเรียกความมั่นใจในตัวเองกลับมาได้อย่างแน่นอน บอกตัวเองดัง ๆ ว่าไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ สิ่งที่เราเป็นนั้นดีอยู่แล้ว พูดให้ตัวเองเชื่อให้ได้ แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องพูดแต่เรื่องจริง ไปพร้อม ๆ กับทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ และยอมรับในสิ่งที่ผิดพลาดไปด้วย
#2 เติมเต็มสิ่งดี ๆ ให้กับตัวเอง
ก่อนจะให้คนอื่นมองเห็นคุณค่า รู้สึกว่าเรามีความสำคัญมากพอ เราต้องมองเห็นตัวเองสำคัญก่อน เพราะบางครั้งเราไปทุ่มเทกับการที่ให้คนอื่นเห็นคุณค่า จนเราเองลืมเห็นคุณค่าตัวเองก็มี บางคนปล่อยเนื้อปล่อยตัวมากเกินไป กินอาหารไม่ตรงเวลา ไม่ยอมออกกำลังกาย ฯลฯ นาน ๆ เข้าร่างกายก็ทรุดโทรม เพราะไม่ได้ใส่ใจในการถนอมร่างกาย
ดังนั้น เมื่อทำความเข้าใจกับตัวเองได้แล้ว ก็ต้องรีบกลับมาให้ความสำคัญกับตัวเอง ด้วยการกินอาหารดี ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ใส่ใจตัวเองดูแล เสื้อผ้าหน้าผมให้ดูดีตลอดเวลา เลือกทำแต่สิ่งดี ๆ ให้กับตัวเอง เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่า ตัวเรานั้นมีความสำคัญ และมีคุณค่ามากแค่ไหน เพราะเมื่อเราให้ความสำคัญกับตัวเราเอง ในเวลาไม่นาน คนอื่นก็จะเห็นความสำคัญของเราตามไปด้วย
#3 เชื่อและทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด
เมื่อใครไม่เห็นคุณค่า หรือรู้สึกว่าเราไม่สำคัญ ก็เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยการทำให้เขาเห็นซะเลย โดยใช้ความสามารถ หรือจุดเด่นที่เรามีให้เป็นประโยชน์ ถนัดสิ่งไหนทำสิ่งนั้นให้มากขึ้น หากเป็นการทำงาน ก็รับชอบหน้าที่การงานที่เราเชี่ยวชาญ ออกแบบวางแผนโปรเจกใหม่ ๆ เมื่อผลงานปรากฏขึ้นมา ก็จะเป็นเครื่องยืนยันว่า เรามีความสามารถ มีคุณค่าทั้งต่อตัวเอง ต่อหน้าที่การงาน และต่อทุกคน
สิ่งดี ๆ ในตัวเราที่มี งัดออกมาใช้ให้หมด ไม่เพียงเฉพาะแต่กับการทำงาน กับการใช้ชีวิตส่วนตัวก็เป็นเรื่องสำคัญ รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนฝูง แต่ต้องเป็นเรื่องที่ถนัดจริง ๆ นะ อย่าพยายามเสแสร้ง หรือฝืนตัวเอง รับรองเลยว่า วิธีนี้ถ้าทำได้จะทำให้เรากลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง มองโลกได้อย่างเต็มตา เงยหน้าได้อย่างภาคภูมิ ความกดดันทั้งหลายที่กดให้เราดำดิ่งไปกับความรู้สึกไม่สำคัญ ก็จะค่อย ๆ หายไป
#4 อย่าใช้เวลากับใคร หรือสิ่งใดนานเกินไป
หากอยากกลับมารู้สึกเป็นคนสำคัญ ต้องเริ่มทำตัวเองให้เป็นคนสำคัญด้วย การมีเวลาอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป จนเหมือนว่าเราอะไรก็ได้นั้น มีความเสี่ยงจะถูกมองว่าเราไม่มีอะไรจะทำ หรือไม่เห็นจะสำคัญอะไรเลย จำเอาไว้เลยว่า หากอยากเป็นคนสำคัญ ก็ควรทำแต่เรื่องที่สำคัญ ทำให้เวลาของเรามีค่าทุกนาที การพูดคุยกับใคร หรือทำอะไรต้องมีจังหวะ และกำหนดเวลา เมื่อจบเรื่องสนทนาแล้ว ควรต้องรีบขอตัวออกมา
และต้องไม่ลืมว่าการพูดคุยนั้น ควรพูดให้เข้าประเด็น อย่าคุยเรื่องไร้สาระมากเกินไป การพูดเฉพาะแต่เรื่องสำคัญ จะทำให้คนที่คุยกับเราต้องตั้งใจฟัง มองว่าเราเป็นคนน่าสนใจ พร้อมจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มุมมอง และมองเห็นความสำคัญของเรา ที่สำคัญอย่าเปิดคุยเรื่องส่วนตัวมากเกินไป เพราะถ้าเราบอกเรื่องส่วนตัวกับคนอื่นมากเท่าไหร่ ความสำคัญของเราก็ลดลงมากเท่านั้น กลายเป็นคนไม่น่าค้นหาไปในที่สุด
#5 รู้จักเป็นผู้ให้ที่ดี
เมื่อรู้สึกไม่สําคัญ อาจจะเป็นเพราะว่า เราไม่ให้ความสำคัญกับผู้อื่นก่อน อาจจะไม่เคยเป็นคนรู้จักให้ หรือรอคอยที่จะได้รับความรักเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็เป็นไปได้ที่ทำให้เราคิดว่า คนอื่นทำให้เรารู้สึกไม่สำคัญขึ้นมา และการรู้จักเป็นผู้ให้นั้น ไม่ได้จำกัดขอบเขตอยู่แค่ผู้ที่ใกล้ชิดสนิทสนมเท่านั้น เราต้องใจกว้างมากพอกับทุกคน แบ่งปัน ช่วยเหลือ โดยไม่เลือกว่าเป็นใคร
เมื่อเรารู้จักให้ วันหนึ่งการให้ของเรา ก็จะมีอิทธิพลต่อความรู้สึกคนอื่น จนกระทั่งแปรเปลี่ยนให้เราเป็นฝ่ายได้รับ และเมื่อได้รับอะไรจากใคร ความสำคัญก็จะเติมเต็มเข้ามาในทันที ที่สำคัญการเป็นผู้ให้โดยไม่มีข้อเรียกร้อง จะทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากพอ ที่จะเป็นฝ่ายสร้างความสุขให้ผู้อื่นได้ และจะทำให้เราเลิกรู้สึกไม่สําคัญได้อย่างแน่นอน
#6 อยู่กับปัจจุบันให้ได้
จำเอาไว้เลยว่าอดีตก็คือปัจจุบันที่ผ่านเลยไปแล้ว และอนาคตคือปัจจุบันที่กำลังจะมาถึง เพราะฉะนั้นเมื่อเข้าใจทุกอย่าง ที่ทำให้รู้สึกไม่สำคัญได้แล้ว ก็อย่าได้จมอยู่กับการรอคอยให้มากจนเกินไป เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเท่าที่จะทำได้ให้มากที่สุด ทำได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ขอให้ทำให้เต็มที่ และเมื่อถึงเวลา ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร ก็ต้องอยู่กับปัจจุบันให้ได้
การไปเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง หากมันยากลำบากเกินไป ก็จำใจต้องยอมรับเช่นกัน เพราะไม่ว่าเราจะสำคัญ หรือไม่สำคัญกับใครอย่างไร ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป ดำเนินต่อไปเพื่อพัฒนาตัวเองไปสู่จุดที่ดีกว่า พร้อมเผชิญหน้ากับทุกเรื่องราว กล้าที่จะเริ่มต้นในสิ่งที่ไม่เคยทำ การอยู่กับปัจจุบันอย่างมีสติและความเชื่อมั่น จะทำให้เรามองเห็นและกำหนดอนาคตของเราได้ และเมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้ใครมองเราไม่สำคัญ ก็จะเป็นเรื่องที่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
อย่างที่บอกไปแล้วว่า เมื่อรู้สึกไม่สำคัญ ก็ต้องกลับมาให้ความสำคัญกับตัวเองเป็นลำดับแรกก่อน เพราะก่อนจะเรียกร้องเอากับใคร ก่อนจะออกไปหาทางเลือกใหม่ หาคนใหม่ ๆ ที่เห็นคุณค่าในตัวเรา หลายคนอาจจะบอกว่าฟังดูเหมือนง่าย แต่จะทำได้อย่างไร ในเมื่อเราต้องอยู่ในสังคมเดิม ๆ หน้าที่การงานเดิม ๆ ก็นั่นล่ะ เราถึงต้องทำตามคำแนะนำที่ได้บอกไว้ด้านบนว่า เมื่อรู้สึกไม่สําคัญ ควรปรับตัวอย่างไรบ้าง มีอะไรควรจะแก้ตรงไหน ค่อย ๆ ถอดบทเรียนกันไปทีละข้อ
แต่อย่าเผลอกดดันตัวเองเกินไป เพราะบางครั้งการรู้สึกตัวว่าไม่สำคัญ อาจเป็นเพียงการคิดไปเอง เมื่อไม่ได้ตามที่คิดก็อาจจะผิดหวังทางความรู้สึก เพราะหากคิดมาก กดดันมาก อาจจะนำไปสู่อาการที่เรียกว่า Imposter Syndrome กลายเป็นคนมีความคิดแง่ลบ มโนคิดว่าตัวเองไร้ค่า ไม่สำคัญอยู่ตลอดเวลาก็เป็นได้ หากปล่อยให้ถึงขึ้นนั้นจริง ๆ ก็จะเป็นผลเสียต่อสุขภาพของเราเป็นอย่างมากทีเดียว (อ่านเพิ่มเรื่อง Imposter Syndrome ได้ที่นี่)
บทความล่าสุด
การจัดโต๊ะคอมให้สวยถูกใจ พร้อมฟังก์ชันการใช้งานครบครัน...
ในมุมมองหนึ่ง ‘ลูกคนกลาง’ ดูเหมือนจะต้องแบกรับภาระทางใจอันหนักอึ้ง...