การมองโลกในแง่ดี คืออะไร? ทำยังไงให้คิดบวกได้มากขึ้น

การมองโลกในแง่ดี คืออะไร? ทำยังไงให้คิดบวกได้มากขึ้น

การมองโลกในแง่ดีนั้นก็ถือว่าเป็นทักษะชีวิตอย่างหนึ่ง หลายคนคงเคยได้ยินว่า คนเราคิดแบบไหน ก็ย่อมเผชิญสิ่งต่างๆตามที่เราคิด เหมือนกฎแรงดึงดูดนั่นเอง ความคิดและทัศนคติของคนเราเป็นปัจจัยหลักสำคัญที่จะขับเคลื่อนชีวิตของบุคคลนั้นได้เลยนะครับ หรือ มองในอีกแง่คือเป็นสิ่งที่ชี้ชะตาชีวิต หรือเป็นเข็มทิศในชีวิตเราก็ว่าได้

เพราะการที่เราคิดดี พูดดี ทำดี ก็ย่อมส่งผลที่ดีต่อชีวิตเรา ในทางกลับกันการคิดในแง่ร้าย หรือแง่ลบตลอดเวลา ชีวิตเราก็จะเต็มไปด้วยความหดหู่ เศร้าหมอง ความกังวล และเคร่งเครียดตลอดเวลาเช่นกัน แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะคิดแต่ในด้านบวกอย่างเดียวได้ตลอดเวลา ยังไงก็ต้องมีด้านลบปนอยู่ด้วย แต่เราสามารถเลือกที่จะมองและจดจ่อกับด้านไหนได้ครับ

วันนี้ผมเลยอยากจะมาแบ่งปันเนื้อหาดีๆเกี่ยวกับการมองโลกในแง่ดี ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ชีวิตเรามีความสุขมากยิ่งขึ้นบนพื้นฐานของความเป็นจริง ไม่ใช่โลกสวยนะครับ

การมองโลกในแง่ดี คืออะไร

การมองโลกในแง่ดี (การคิดบวก) คือ การเลือกคิดและตอบสนองต่อสิ่งต่างๆในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคน สิ่งของ หรือ เหตุการณ์ ในด้านที่ดีในระดับที่เหมาะสม มองโลกด้วยความเป็นจริงที่เป็นอยู่ อยู่กับปัจจุบัน ไม่ยึดติดกับสิ่งที่แย่

เราเลือกที่จะโฟกัสจุดที่ดี/ด้านบวก และเลือกที่จะเข้าใจและรับรู้ด้านลบ/แย่ตามความเป็นจริง แต่ไม่นำมาใส่ใจ หรือนำมาเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตนั่นเองครับ

ทุกคนคงสงสัยใช่ไหมครับว่า การมองโลกในแง่ดีนั้น คนๆนั้นต้องเป็นคนโลกสวย หลอกตัวเองตลอดเวลา เพื่อให้ตัวเองสบายใจ แต่ไม่ได้สนใจความเป็นจริงเลย ซึ่งตามความเป็นจริงนั้นไม่ใช่เลยนะครับ

บางคนชอบพูดว่า ที่คนนั้นสามารถคิดดีได้มีความสุขได้ ก็เพราะเขาไม่มีเรื่องให้ต้องคิดมาก วันๆก็มีเงินใช้สบาย มีชีวิตหรูหรา บ้านรวย มีแฟนหล่อ/สวย หรืออะไรต่างๆนานาที่ยกมาเปรียบเทียบเพื่อให้ตัวเองดูด้อยกว่า ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เป็นเพียงปัจจัยภายนอกทั้งหมดเลยครับ สิ่งที่จะสามารถกำหนดความสุขในชีวิตเราได้นั้น มันคือ “ตัวเรา” เองเท่านั้น (การคิดและมุมมองของเรานั่นเอง)

ทุกคนมีปัญหาและอุปสรรคที่ต้องเผชิญในชีวิตกันทั้งนั้น แต่ที่คนเหล่านั้น เขามีความสุขได้ เพราะเขามีมุมมองต่อโลกใบนี้ในเชิงที่สร้างสรรค์ และเลือกที่จะมองด้านที่ดีของชีวิต มากกว่าการไปโฟกัสที่จุดแย่ๆและไม่ยอมเดินไปข้างหน้าต่อสักที

คนที่มองโลกในแง่ดีนั้น จะมีลักษณะ และบุคลิก อย่างเช่น เป็นคนร่าเริง ยิ้มแย้มสดใส อารมณ์ดี มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี น่าคบหา ทำสิ่งต่างๆด้วยพลังที่เต็มเปี่ยม มีสุขภาพกายและใจที่ดี ปล่อยวางได้เก่ง หน้าตาดูเด็กกว่าอายุ ไม่ค่อยชอบพูดนินทาหรือตำหนิใคร กระตือรือร้น คล่องแคล่ว ตอบสนองต่อเรื่องที่ดีได้อย่างรวดเร็ว และสามารถรับมือกับปัญหาในเชิงที่สร้างสรรค์ เป็นต้น

ความสำคัญของการมองโลกในแง่ดี

จากที่ผมอธิบายตามด้านบนไปนั้น ทุกคนคงเข้าใจความหมายของการมองโลกในแง่ดีมากขึ้นแล้ว แต่ก็คงเกิดคำถามในใจใช่ไหมครับว่า “แล้วการมองโลกในแง่ดี สำคัญอย่างไร”

โดยเบื้องต้นแล้ว ความคิดของเรา เป็นกุญแจสำคัญที่ส่งผลต่อพฤติกรรม การกระทำ และ สุขภาพของเรา นั่นเอง

แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘การมองในแง่ร้าย ง่ายกว่าการมองในแง่ดี’ เนื่องจากสมองมนุษย์เรามีสัญชาตญานของการเอาตัวรอดและการตอบสนองความกลัวได้เป็นอย่างดี เราจึงมักจะเลือกมองเหตุการณ์ต่างๆในแง่ลบไว้ก่อนเพื่อป้องกันตัวเองครับ ในส่วนนี้หากใครสนใจการวิเคราะห์ทางด้านจิตวิทยา ผมแนะนำให้อ่านบทความเรื่อง ความกลัวเกิดจากอะไร นะครับ

แต่ถ้าเราสามารถปรับเปลี่ยนให้ตนเองเป็นคนมองโลกในแง่ดี (คิดบวก) ได้นั้น เราจะสามารถมีชีวิตที่มีความสุขมากยิ่งขึ้น มีสุขภาพก็ดีกว่าคนที่คิดลบด้วย

ผมจะยกตัวอย่างเบื้องต้นว่า ทำไมการมองโลกในแง่ดีมันถึงสำคัญ และจะส่งผลกับเราอย่างไรบ้าง ดังต่อไปนี้ครับ

  1. ชีวิตเราจะดียิ่งขึ้น : เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เรามองโลกในแง่ที่ดี เราจะรู้สึกสงบใจ มีความสุข และรู้สึกอิ่มเอมกับด้านที่ดีที่เราเลือกจะโฟกัส เนื่องจากคนเราไม่สามารถที่จะคิดด้านที่ดีและแย่ในเวลาเดียวกันได้ครับ หากเลือกคิดด้านดีแล้ว ผลที่ออกมาก็ย่อมออกมาดีนะครับ
  2. มีความสัมพันธ์ที่ดีและแน่นแฟ้น : พอเราเลือกที่จะโฟกัสในด้านที่ดีของคนที่เราคบ  เราจะเลือกมองข้ามด้านที่แย่ของเขาโดยอัตโนมัติ และย่อมส่งผลต่อความสัมพันธ์และมิตรภาพให้มีความแน่นแฟ้น และมีทัศนคติที่ดีต่อกัน เป็นมิตรกันมากขึ้น รวมทั้งส่งผลให้เรามีความสุขกับคนที่เราคบ ไม่ว่าจะในฐานะคนรักหรือเพื่อนก็ตาม
  3. มีความสามารถในการจัดการปัญหาที่ดีขึ้น : หากเราต้องประสบกับปัญหาต่างๆในชีวิต ทั้งความเครียดในเรื่องครอบครัว ความสัมพันธ์ หรืองานที่ต้องแบกรับ หากเราเลือกคิดบวก จะทำให้เราสามารถมองเห็นโอกาสและมุมมองใหม่ๆที่ดี และช่วยให้เราสามารถก้าวผ่านปัญหานั้นไปได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นครับ
  4. เพิ่มเติมพลังชีวิต : เพราะการที่เรามองสิ่งต่างๆที่ต้องเผชิญในด้านที่ดีและบวกตลอดเวลา จะช่วยลดความกังวล ทำให้เราเครียดน้อยลง มีเรี่ยวแรง มีความกระปรี้กระเปร่า ซึ่งเสริมสร้างพลังในการทำสิ่งต่างๆได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น
  5. สุขภาพที่แข็งแรงกว่าเดิม : การเปลี่ยนแนวคิดมามองโลกในแง่ที่ดีและบวก เป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ทำให้สุขภาพเรานั้นดียิ่งขึ้น เพราะการมองโลกในแง่ดีทำให้เราไม่เครียด ลดความกังวล ความกดดันต่างๆ ซึ่งจะส่งผลต่อระบบต่างๆในร่างกายให้ทำงานดีขึ้น ทั้งการไหวเวียนของเลือด ความดันเลือดต่ำลง หัวใจเต้นช้าลง ไม่หงุดหงิดหรือเครียดได้ง่าย มีภูมิคุ้มกันต่อแรงกดดันและความคิดเชิงลบ ทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น
  6. ส่งเสริมความกล้า ทำให้เกิดความภูมิใจในตัวเอง : การที่เราเชื่อว่ามีสิ่งดีๆกำลังจะเกิดขึ้นในชีวิตเรา เท่ากับเราให้คุณค่ากับการดำเนินชีวิตของเรา โดยคนที่มองโลกในแง่ดีจะมีทัศนคติว่า “ฉันสามารถทำได้ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ ” ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและเป็นลักษณะสำคัญอย่างหนึ่งของบุคคลที่ประสบความสำเร็จในระดับสูงด้วยครับ
  7. ดึงดูดสิ่งที่ดีเข้ามาในชีวิตเรา : การที่เราคิดถึงสิ่งที่ดีๆ จะส่งผลให้เรามีอารมณ์ที่ดีแจ่มใส มีบรรยากาศของความสุข การดำเนินการชีวิตก็จะมีแต่สิ่งที่ดีๆเกิดขึ้น เพราะมันเป็นกฎของแรงดึงดูด จากวิธีการคิดและมุมมองของเรานั่นเองครับ

ตัวชี้วัดของ การมองโลกในแง่ดี คืออะไร

ปัญหาของคนทั่วไปก็คือ ‘รู้ว่าการมองโลกในแง่ดี เป็นสิ่งที่ดี’ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะจับตัวเองไม่ทันซักที พอลืมก็เผลอคิดลบ ในส่วนนี้ผมก็อยากจะแนะนำ ตัวชี้วัดของการมองโลกในแง่ดี ให้ศึกษากัน

การที่เราจะสามารถดูได้ว่า เรานั้นเป็นคนมองโลกในแง่ดีหรือเปล่านั้น สามารถวัดได้เบื้องต้นจากองค์ประกอบของการมองโลกในแง่ดี ซึ่งอ้างอิงมาจากผลการศึกษาและพัฒนาการมองโลกในแง่ดีผ่านการให้คำปรึกษาแบบกลุ่ม และสอดคล้องกับที่ผมได้อธิบายด้านบนไปในเรื่องของความสำคัญจากการที่เราคิดบวกด้วย

ซึ่งตัวอย่างขององค์ประกอบที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าเรานั้นเป็นคนมองโลกในแง่ดี มีดังนี้ครับ

  1. การจัดการกับปัญหาและการวางแผนอย่างกระตือรือร้น : คนที่คิดบวกหรือมองโลกในแง่ที่ดี จะสามารถจัดการปัญหา มรสุมต่างๆในชีวิตได้เป็นอย่างดี เพราะคนเหล่านั้นจะเลือกมองหาจุดที่ต้องแก้ไขและมองหาโอกาสที่จะเกิดขึ้นในแง่ที่ดี สร้างสรรค์ จะสามารถวางแผนในการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น และก้าวผ่านมันไปได้อย่างรวดเร็ว จากแนวคิดที่ว่า “อุปสรรคและความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้นมีไว้เพื่อเรียนรู้ และก้าวผ่าน นำไปสู่การพัฒนาตนเองที่ดีขึ้นกว่าเดิม” ครับ
  2. ความสามารถมองสิ่งต่างๆตามความเป็นจริง : คนที่คิดบวกจะสามารถมองสิ่งต่างๆทั้งในด้านที่ดีและด้านที่แย่ แต่บุคคลเหล่านี้จะเลือกรับรู้และเข้าใจด้านที่แย่ แต่ไม่นำมายึดติด และเลือกโฟกัสด้านที่ดี เพื่อเป็นพลังบวกให้แก่ตนเอง
  3. ร่าเริง แจ่มใส มีอารมณ์ขัน และมนุษยสัมพันธ์ดี : คนที่คิดดี มองโลกในแง่ดี จะมีความสุข ซึ่งจะแสดงออกมาทางสีหน้าและการกระทำ ที่มีความร่าเริง สดใส มีอารมณ์ขัน เฮฮา มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ซึ่งทำให้คนที่อยู่ด้วยก็มีความสุข อยากเข้าใกล้ และคบหาคนเหล่านี้
  4. สามารถมองและกล่าวถึงสิ่งต่างๆในด้านที่ดี : ข้อนี้ตรงตัวและชัดเจนมากเลยครับ เพราะเมื่อเรามองโลกในแง่ที่ดี เราก็ย่อมเป็นคนที่สามารถมองสิ่งต่างๆในด้านที่ดี และจากการที่เราเลือกมองและคิดในมุมที่ดี/บวก ก็ย่อมส่งผลให้เราเป็นคนที่คิดดี พูดดี ทำดีด้วยครับ
  5. สามารถควบคุมตนเองได้ ในด้านอารมณ์ และปรับอารมณ์ของตนได้อย่างเหมาะสม : การที่เรามองโลกในแง่ดี ตามที่กล่าวไปข้างต้น เราจะเข้าใจความเป็นจริงทั้ง 2 ด้านไม่ว่าจะเป็นด้านบวกหรือลบ ของเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับเรา เมื่อเราเข้าใจความเป็นจริงที่เป็นอยู่ จะสามารถปรับอารมณ์ความรู้สึกให้เป็นกลาง และเลือกมองจุดที่ดี เพื่อทำให้เรามีพลังเชิงบวกในการต่อสู้กับเหตุการณ์แย่ๆที่ต้องเผชิญ ผ่านการปรับมุมมองที่เป็นกลาง มีสมาธิจดจ่อในด้านที่ดีทำให้เรามีความสุขครับ

หากในเบื้องต้น ถ้าคุณมีมากกว่า 3-4 คุณลักษณะเหล่านี้ ผมก็คิดว่าคุณก็เป็นคนมองโลกในแง่ดีพอสมควรเลยทีเดียว

คำแนะนำ และ ข้อคิดการมองโลกในแง่ดี

ผมอยากมาแบ่งปันข้อแนะนำดีๆ ที่สามารถช่วยให้เราเป็นคนมองโลกในแง่ที่ดีได้มากขึ้นครับ

  1. ไม่ยึดติดกับอดีตที่ผิดพลาด เพราะชีวิตเราต้องเดินต่อไป และฝึกการวางเป้าหมายเล็กๆที่เป็นไปได้ก่อน และทำให้สำเร็จ
  2. รู้จักปล่อยวางและให้อภัยทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น เพราะหากเรามีแต่ความโกรธแค้น ไม่ยอมให้อภัย ชีวิตจะมีแต่ความทุกข์ใจ ทำให้เราไม่สามารถมองโลกในแง่ดีได้
  3. มองหาบุคคลต้นแบบ (Idol) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เราเป็นคนคิดบวกมากขึ้น
    เช่น คนที่ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เป็นบุคคลที่สามารถเอาชนะอุปสรรคได้อย่างชาญฉลาด และคนที่มีวิธีคิดในการใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขอย่างเต็มที่จากการมองโลกในแง่ดี
  4. พยายามอยู่กับคนที่คิดบวกและมองโลกในแง่ดี เมื่อเราอยู่ในสังคมที่มีแต่คนที่มีพลังบวก ก็จะส่งผลให้เราซึมซับพลังเหล่านั้น และเป็นคนที่คิดในด้านที่ดีตามด้วย
  5. ลดการเสพข่าวในด้านลบ เช่น ตามสื่อโซเชียลมีเดียทั่วไป ถ้าเราเจอแต่โพสในแง่ลบ และทำให้จิตใจแย่ ก็หลีกเลี่ยง หรือกด unfollow ไป เพราะการรับรู้ข่าวสารแย่ๆ มีผลทำให้สมองเราจดจำ และเป็นอุปสรรคต่อการมองโลกในแง่ดีได้ครับ
  6. ฝึกคิดในด้านบวกจนเคยชิน ลองพยายามตั้งคำถามว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์แย่ๆกับเรา เราจะฝึกมองสถานการณ์เหล่านั้นในด้านที่บวกอย่างไร

ผมขอแนะนำวิธีง่ายๆ คือ การฝึกตั้งคำถามและตอบกับเพื่อนหรือคนสนิท โดยให้คนนึงตั้งคำถามเป็นเหตุการณ์สมมติ ว่าเรากำลังเผชิญเหตุการณ์ที่แย่ และเราต้องฝึกคิดและตอบ โดยเลือกมองหาจุดที่ดีในเรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยให้สมองเราฝึกมีมุมมองในด้านที่ดี/บวกจนเคยชิน ส่งผลให้เราเป็นมีมุมมองต่อเรื่องต่างๆในแง่บวกอย่างสร้างสรรตามความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น

  • ถาม : ถ้าเราขาหักต้องพักอยู่บ้านเบื่อๆ / ตอบ: ก็ดีนะ เราได้นอนพักผ่อนเต็มที่
  • ถาม : ถ้ารถเสียกลางทางกระทันหัน / ตอบ : อาจมีหนุ่มหล่อมาช่วยซ่อมก็ได้นะ
  • จินตนาการถึงสิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้เรามีกำลังทำสิ่งต่างๆได้อย่างเต็มที่ ไม่กังวล/เครียดในด้านที่แย่ไปก่อน แถมยังเป็นกำลังใจให้แก่ตัวเองด้วย
  • ยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี รู้จักเป็นผู้ให้โดยไม่หวังผลตอบแทนบ้าง จะช่วยให้เราเห็นคุณค่าในตัวเอง และมีความสุขในชีวิตมากยิ่งขึ้น
  • รู้จักบริหารเวลา จัดลำดับความสำคัญก่อนหลังของสิ่งที่จะทำ ถ้าเราสามารถบริหารตารางเวลาและสิ่งที่จะทำตามลำดับความสำคัญได้อย่างเป็นระบบ ระเบียบ ชีวิตเราจะไม่รนราน และไม่เครียด ซึ่งจะส่งผลให้เรามีทัศนคติที่ดีต่อตัวเราและสิ่งต่างๆมากยิ่งขึ้น
  • รู้จักมีความสุขกับเรื่องเล็กน้อยในแต่ละวัน ขอบคุณสิ่งที่ดีๆที่เข้ามาในชีวิตด้วยความรู้สึกจริงใจ ก็สามารถช่วยให้เรามีความสุข อิ่มเอม และสามารถมองสิ่งต่างๆในด้านดีมากยิ่งขึ้น
  • ยิ้มเยอะๆ เป็นพื้นฐานที่ง่ายมาก แค่เพียงฝึกยิ้มบ่อยๆ ยิ้มให้ตัวเองในกระจก ยิ้มให้คนรอบข้างที่รู้จักตามความเหมาะสม ซึ่งการยิ้มเปรียบเสมือนการบำบัดให้ใจเรามีความสุขผ่านภาษากายที่มีความสุข เพราะการยิ้มคือสัญลักษณ์ของความสุขและการต้อนรับครับ

สุดท้ายนี้เกี่ยวกับการมองโลกในแง่ดี คิดบวก

จากที่ผมได้แบ่งปันเนื้อหาของการมองโลกในแง่ดี (การคิดบวก) ไปแล้วนั้น ผมเข้าใจนะครับว่า มันก็ค่อนข้างยากในการฝึกฝนสำหรับใครบางคน เพราะทุกวันนี้ทั้งข่าวสารที่เราได้เห็นหรือรับฟังในเชิงลบ สังคมที่เราเจอกับคนนิสัยเห็นแก่ตัว หรือเรื่องกดดันต่างๆที่ต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการคิดเชิงบวกค่อนข้างมาก  

แต่ผมอยากฝากข้อคิดและย้ำให้ทุกคนได้ไตร่ตรองกันอีกทีนะครับว่า ชีวิตของเราจะเป็นอย่างไรนั้น กุญแจสำคัญที่เป็นตัวผลักดันทิศทางชีวิตเรา คือ “ทัศนคติและมุมมองการคิดต่อการดำรงชีวิตของเราทั้งสิ้น” ครับ

นอกจากนี้ ในตัวเราทุกคนมีทั้งความคิดทั้งด้านดีและด้านลบ ซึ่งเราไม่ควรฝึกนิสัยให้เคยชินกับการคิดลบบ่อยๆ เราควรที่จะฝึกการคิดและมีมุมมองต่อสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในแง่บวก จะช่วยให้สมองเราฝึกการคิดอย่างสร้างสรรค์ในทางที่ดี แล้วเราก็จะกลายเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีได้เองในที่สุด ผมหวังว่า บทความนี้จะเป็นโยชน์ต่อเพื่อนๆที่ได้เข้ามาอ่าน ทำให้รู้จักวิธีการทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้นนะครับ ลองฝึกมองโลกในแง่ดี คิดบวกกันเยอะๆ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ

บทความล่าสุด