Introvert Extrovert – 3 ความแตกต่างระหว่างบุคลิกสองประเภท

Introvert Extrovert - 3 ความแตกต่างระหว่างบุคลิกสองประเภท

เมื่อพูดถึงคำว่า Introvert Extrovert ยังจะมีคนที่เข้าใจผิดอยู่ไม่น้อยว่า Introvert เป็นคนที่ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว ไม่สุงสิงกับใคร ทำตัวแปลกแยกจากคนหมู่มาก หรือ Extrovert ต้องเป็นคนลั้นลา อยากเที่ยว อยู่คนเดียวแล้วจะเฉาตาย

บุคลิกของ Introvert นั้น ไม่ได้เป็นอาการป่วยแต่อย่างใด แต่มักจะเป็นคนที่ชอบคิดไตร่ตรองความคิดของตัวเองอย่างรอบคอบ และมักจะรู้สึกเหนื่อยง่ายเวลาที่ต้องพบปะกับคนจำนวนมาก จึงทำให้มีบุคลิกที่ค่อนข้างจะชอบใช้เวลาอย่างเงียบๆ กับตัวเองคนเดียวหรือในวงสนทนาเล็กๆ มากกว่าการออกไปสังสรรค์ และเป็นบุคลิกที่ตรงกันข้ามกับกลุ่มของ Extrovert ที่ส่วนใหญ่จะเป็นคนชอบเขาสังคม มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี เป็นคนที่กว้างขวาง สามารถปรับใช้คำพูดได้อย่างเร็วรวด เพื่อให้เกิดการสนทนาได้อย่างไหลลื่นตามสถานการณ์

ในบทความนี้ผมมี 3 ความแตกต่างระหว่างบุคลิกสองประเภท Introvert และ Extrovert มาอธิบายให้ทุกคนฟังครับ

Introvert Extrovert – 3 ความแตกต่างระหว่างบุคลิกสองประเภท

#1 การรับและการสร้างพลังงานให้ตัวเอง

สมองของกลุ่มผู้ที่มีความสนใจต่อโลกภายนอก (Extrovert) และกลุ่มผู้ที่มีความสนใจต่อโลกภายใน (Introvert) สามารถทำงานเพื่อรับสิ่งเร้าต่างๆภายนอกได้ไม่เท่ากัน Extrovert นั้นจะมีระดับความไวต่อสิ่งเร้าที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ Introvert ที่รู้สึกเหนื่อยจากสิ่งเร้า

การให้ความสนใจต่อโลกภายนอกหรือโลกภายใน จะเป็นสิ่งที่กำหนดรูปแบบลักษณะของการรับและการสร้างพลังงานให้กับตัวเอง โดยปกติแล้วมนุษย์เราจะมีข่ายใยประสาทที่มีชื่อว่า Reticular Activating System (RAS) ซึ่งทำหน้าที่คอยคัดกรองสิ่งเร้าที่เรารับเข้ามาจากภายนอก ให้อยู่ในปริมาณที่พอดี

ด้วยสาเหตุนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมกลุ่มคนที่เป็น Introvert จะรู้เหนื่อยง่ายหรือหมดพลัง เวลาที่ต้องไปทำกิจกรรมหรืออยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องพบปะกับคนจำนวนมาก

ดังนั้น การได้อยู่ที่สงบ อ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม การอยู่กับเพื่อนสนิทสองสามคน ก็อาจจะเพียงพอแล้วที่จะทำให้กลุ่ม Introvert มีความสุขได้โดยไม่จำเป็นต้องไปหาสิ่งเร้ามากมายจากภายนอก แถมยังเป็นการรับพลังงานดีๆ ให้กับตัวเองอีกด้วย

ซึ่งกลับกันกลุ่ม Extrovert หลายๆ คนอาจจะมองว่าค่อนข้างเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ เมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องอยู่คนเดียวเป็นเวลานานๆ หรืออาจมีความรู้สึกอึดอัดเวลาอยู่ในสถานที่ที่ไม่สามารถพูดคุยกันได้อย่างอิสระอย่างที่ทำงานเป็นต้น

ดังนั้นหลังเลิกจากงาน กลุ่ม Extrovert ก็มักจะไปสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนๆ กันต่อ ซึ่งเปรียบเสมือนการไปชาร์จพลังงานที่เสียไปจากการทำงานให้กลับมา ซึ่งต่างจากกลุ่ม Introvert ที่มักจะกลับไปใช้เวลาอยู่กับตัวเองเพื่อชาร์จพลังงานในแบบของตัวเอง ทำให้กลุ่ม Extrovert จึงชอบที่ออกไปใช้ชีวิต พบปะผู้คน เข้าร่วมงานสังคม เพิ่มสีสันให้ชีวิต เพื่อรับพลังงานจากภายนอกเข้ามาในรูปแบบของกลุ่ม Extrovert นั่นเอง

แต่การที่เหมารวมว่าคนที่อยู่ในปาร์ตี้คือคนที่เป็น Extrovert ก็อาจจะกว้างเกินไปหน่อย เพราะในงานปาร์ตี้ก็อาจจะมีคนที่เป็น Introvert รวมอยู่ด้วยก็ได้ ถ้าเกิดว่าการอยู่กับกลุ่มๆ นั้นแล้วทำให้รู้สึกสบายใจ แต่ก็จะรู้สึกหมดพลังในระยะเวลาต่อมา แต่สำหรับคนที่เป็น Extrovert เขาจะมีความรู้สึกว่ามันเป็นที่ของเขา แม้ว่าจะมาเป็นครั้งแรกก็ตาม

#2 การเลือกใช้เวลาส่วนตัวแบบ Introvert และ Extrovert

เราสามารถบอกได้เบื้องต้นว่าคนๆ นั้นเป็น Introvert หรือ Extrovert จากสิ่งที่เขาทำในเวลาว่างหรือเวลาส่วนตัว ซึ่งหลายครั้งที่กลุ่ม Introvert จะถูกเข้าใจผิดจากกลุ่ม Extrovert ว่าเป็นพวกมีปัญหาการเข้าสังคมหรือปัญหาเกี่ยวกับการมีมนุษย์สัมพันธ์หรือไม่ ทำไมถึงชอบไปไหนมาไหนคนเดียว นั่งกินข้าวคนเดียว ไม่เหงา ไม่เบื่อบ้างหรือ

ให้ลองคิดตามแบบนี้ สมมติว่าคุณเป็นคนแบบ Introvert ที่มีหน้าที่การงานที่ต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้คนตลอดทั้งวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งต้องพูดคุย ประชุม ระดมความคิด และเมื่อถึงเวลาพักหรือเวลาเลิกงาน ซึ่งเป็นเวลาส่วนตัว คุณยังจะอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่นั้น กับคนอื่นๆ ต่อไปอีกหรือ แต่หากเป็นคนที่เป็น Introvert จริงๆ ก็คงจะเลือกที่จะใช้เวลาที่เหลือพักผ่อนและรับพลังใหม่ให้กับตัวเอง

และในขณะเดียวกันการที่คนๆ นึง สามารถทำงานที่ต้องพบปะผู้คนมากมาย หรือถนัดในการระดมความคิด สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดีนั้น ไม่ได้หมายความว่าเขาคือพวก Extrovert เสมอไป และไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็น Introvert จะไม่สามารถทำงานลักษณะนี้ได้ เพราะมันเป็นแค่บทบาททางสังคมเท่านั้น ดังนั้นการถามถึงสิ่งที่ทำในเวลาส่วนตัว ซึ่งเป็นช่วงที่สามารถเป็นตัวของตัวเองจริงๆ ได้มากที่สุด จึงเหมาะที่สุดในการบ่งบอกว่าเราเป็น Introvert หรือ Extrovert

จากที่ได้อธิบายไว้ข้างต้นว่า กลุ่มของ Introvert มักจะถูกกระตุ้นจากสิ่งเร้าได้ง่าย นั่นทำให้สำหรับบางคนพอใจกับการเลือกใช้เวลาส่วนตัวอยู่อย่างเงียบสงบในวันหยุด พร้อมกับซึมซับสภาพแวดล้อมที่ดี นอนเอนกายพักผ่อน อยู่กับคนที่รัก อ่านหนังสือเงียบๆ คนเดียว ทำงานอดิเรกต่างๆ ที่ถนัด

ซึ่งในขณะที่กลุ่มของ Extrovert กลับรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมแบบนี้ มันน่าเบื่อ ขาดสีสัน ไม่มีสิ่งกระตุ้นให้เกิดการเร้าใจที่มากพอ จึงชอบที่จะออกไปพบปะกับผู้คน ทำกิจกรรมนอกบ้าน ออกไปสังสรรค์ ซึ่งแตกต่างกับกลุ่ม Introvert โดยสิ้นเชิง

#3 นิสัยการทำงานของ Introvert Extrovert

จากที่เคยกล่าวไว้ข้างต้นคนที่เป็น Introvert ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนขี้อายหรือต่อต้านสังคม ดังนั้น ถ้าจำเป็นต้องทำงานที่เกี่ยวกับการพบปะผู้คน คนกลุ่มนี้อาจทำออกมาได้ดีด้วยซ้ำ เพราะเขาได้มีการคิดไตร่ตรองและวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้ว แม้อาจจะต้องใช้พลังงานค่อนข้างมากในช่วงแรก แต่เมื่อชำนาญแล้วก็จะทำให้ตัวเองเก่งขึ้นมาอีกขั้นเลยทีเดียว

ในทางกลับกัน สำหรับคนที่เป็น Extrovert บางคนก็อาจจะไม่ชอบการนำเสนองาน ถ้าหากเขารู้สึกว่าตัวเองทำได้ไม่ดี แถมพอไม่ได้รับการตอบรับตามที่คาดหวังไว้ ก็อาจทำให้ตัวเองสูญเสียความมั่นใจไปเลยก็ได้เหมือนกัน

สำหรับคนที่เป็น Introvert ก็จะมีวิธีปรับตัวเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด แบ่งเป็น 4 ข้อ ได้แก่

1. การสร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงาน กรณีที่ทำงานในออฟฟิซแบบเปิด ที่สามารถมีเสียงรบกวนแทรกเข้ามาได้ตลอดเวลา จนอาจสร้างความอึดอัดใจ และทำลายสมาธิของกลุ่ม Introvert ได้ ดังนั้น บางครั้งก็ควรจะต้องลองหาพื้นที่เงียบๆ สำหรับทำงานดูบ้าง

2. การทำงานแบบตัวต่อตัวให้มากขึ้น กลุ่มที่เป็น Introvert นั้น มักจะทำงานได้ดีเมื่อได้ทำงานแบบหนึ่งต่อหนึ่ง การพูดคุยกับคนทีละคนจะทำให้ทำงานได้ง่ายและลึกซึ้งมากขึ้น ดังนั้นควรต้องพยายามหาเวลาที่จะคุยงานกับหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานแบบหนึ่งต่อหนึ่งให้ได้มากที่สุด เพราะการทำงานลักษณะนี้จะมีประสิทธิภาพกับตัวเองมากที่สุด

3. การบอกวิธีการทำงานของตัวเองให้คนอื่นทราบ ในสภาพของการทำงานในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเร็ว ซึ่งคนที่เป็น Introvert จะสามารถทำงานได้ดีที่สุด เมื่อตัวเองกำหนดความเร็วและรายละเอียดของงานเอง และจำเป็นต้องบอกให้เพื่อนร่วมงานหรือคนในทีมให้รับรู้ เพื่อจะได้เข้าใจถึงความคาดหวังได้ถูกต้อง

4. การประชุม เป็นสิ่งสำคัญที่คน Introvert จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวเป็นอย่างมาก เพราะคนที่เป็น Introvert จะไม่สามารถออกความคิดเห็นหรือพูดในที่ประชุมได้ในทันที เมื่อมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกะทันหัน ไม่เหมือนกับคนที่เป็น Extrovert ที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้ทันที จึงจำเป็นต้องมีการคิด เตรียมตัวให้ดีมาก่อนในระดับหนึ่งเสมอ

ส่วนทางด้านของคนที่เป็น Extrovert ก็ควรมีการเตรียมตัวในการทำงานด้วยเช่นกัน ดังนี้

1. การหากิจกรรมเติมพลัง ถ้าคนที่เป็น Extrovert ต้องมาอยู่ในที่ทำงานที่เงียบเกินไป สงบเกินไป ก็อาจจะทำให้มีอาการเบื่อ หรือเกิดอาการหมดไฟขึ้นได้ ดังนั้น ถ้าต้องอยู่ในสถานการณ์ที่เงียบเกินไปนานๆ ควรจะต้องเริ่มหากิจกรรมอะไรทำเพื่อเติมพลังให้มีแรงฮึดกลับมาอีกครั้ง อาจจะลองเสนอตัวเพื่อขอรับงานที่จะได้พบปะกับคนเยอะๆ เป็นต้น

2. การรู้จักพอดี โดยคนที่เป็น Extrovert ส่วนใหญ่มักจะทำตัวยุ่งตลอดเวลา มีการทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน จนบางครั้งก็ดูมากเกินไป ซึ่งก็ต้องระวังไว้ด้วย เพราะถ้าทำติดต่อกันนานจนเกินไปโดยไม่พัก ก็อาจจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของงานที่ลดลงและยังส่งผลต่อร่างกายด้วย

3. การหาเวลาอยู่กับตัวเองบ้าง ถึงแม้ว่าคนที่เป็น Extrovert มักจะชอบอยู่กับคนแค่ไหน แต่การให้หาเวลาอยู่กับตัวเอง เพื่อจะได้นั่งคิดทบทวนเรื่องต่างๆ คนเดียวก็ยังสำคัญ การใช้เวลาในช่วงนี้คิดเรื่องต่างๆ จะช่วยทำให้สามารถตกผลึกและคิดไอเดียใหม่ๆ ออกได้ ดังนั้น ในแต่ละวันให้พยายามหาเวลาให้กับตัวเอง เพื่อคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น และเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้น

ในการทำงานไม่ว่าจะทั้งของ Introvert หรือ Extrovert จะให้เป็นไปตามที่เราต้องการทั้งหมดก็คงเป็นไปได้ยาก ดังนั้น เราต้องมีความเข้าใจมุมมองของคนอื่น และความยืดหยุ่นด้วย เพื่อที่ปรับตัว และสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สุดท้ายนี้เกี่ยวกับ Introvert และ Extrovert

พออ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่า ถ้ารู้สึกว่าตัวเองเข้าข่ายทั้ง Introvert และ Extrovert เลยล่ะ บางครั้งการที่ได้พบปะกับผู้คน หรือการใช้เวลากับตัวเองคนเดียว ก็สามารถเติมพลังให้แก่ตัวเองได้เหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเรามักจะไม่ได้มีบุคลิกที่สุดโต่งไปในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งบุคคลที่มีบุคลิกลักษณะนี้เราจะเรียกว่า Ambivert หรือผู้ที่มีความสนใจทั้งโลกภายในและโลกภายนอก

ทั้งบุคลิกแบบ Introvert และ Extrovert ไม่ว่าคุณจะมีบุคลิกแบบไหนก็ตาม สิ่งที่คุณทำในวันนี้ หรือสิ่งที่คุณคิดในวันนี้ มันคือสิ่งที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณ ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเสียงของคนรอบข้างที่มาตัดสินเรา หรือมาบอกให้เราเป็นคนที่เราไม่อยากจะเป็น ขอจงเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองทำ แล้วทำมันให้ดีที่สุด ในท้ายที่สุดคุณก็จะรู้ตัวได้เองว่า ตัวเองนั้นเหมาะกับอะไร  

บทความเกี่ยวข้องที่เราแนะนำ

บทความล่าสุด