10 วิธีแก้อาการเหนื่อยง่าย (ก่อนสายเกินไป)

10 วิธีแก้อาการเหนื่อยง่าย (ก่อนสายเกินไป)

นอนครบ 8 ชั่วโมง แต่ทำไมก็ยังรู้สึกหมดพลังทำอะไรก็เหนื่อยง่ายกว่าเพื่อนอีกนะ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความรู้สึกอย่างนี้อยู่บ่อยครั้ง ทั้ง ๆ ที่ก็พักผ่อนตามสูตรสุขภาพดีแล้วก็ตาม แต่ยังคงมีอาการเหนื่อยง่ายจนส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและหน้าที่การงานอยู่แล้วล่ะก็ เรามาทำความรู้จักอาการเหนื่อยง่ายและวิธีแก้อาการเหล่านี้กันดีกว่า

10 วิธีแก้อาการเหนื่อยง่าย (ก่อนสายเกินไป)

อย่าปล่อยให้อาการเหนื่อยสะสมเรื้อรังเด็ดขาด เพราะนอกจากสุขภาพของคุณที่ต้องเสียหายไปกับมันแล้ว ความสัมพันธ์ต่าง ๆ ในบริบทรอบกายก็ตกอยู่ในภาวะความเสี่ยงที่จะเสียหายด้วยเช่นกัน

และปัจจุบันทางการแพทย์ก็เริ่มให้ความสนใจและผุดหลักฐานใหม่ ๆ ที่แสดงให้เห็นว่า ความเหนื่อยที่อยู่บนฐานร่างกายและจิตใจสอดประสานกันและมีอิทธิพลนำไปสู่โรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย แล้วที่นี้ ! เราจะมีวิธีใดจัดการกับอาการนี้ได้บ้าง เพื่อปลุกพลังให้ตัวเองกลับมามีชีวิตชีวาพร้อมรับมือกับชีวิตในวันใหม่ได้อย่างสดชื่น

#1 การดื่มน้ำให้เพียงพอ

น้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกาย ดังนั้นการปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายอ่อนล้าเหนื่อยง่าย ซึ่งอาจนำสู่ภาวะเหนื่อยล้าเรื้อรังได้

คำแนะนำนี้อาจจะฟังน่าเบื่อสำหรับหลายๆคน แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเอง รู้สึกได้ว่าหลายครั้งที่การจิบน้ำเล็กๆน้อยๆก็ทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นแล้ว

จากงานวิจัยของ University of Connecticut ให้ข้อมูลสนับสนุนเรื่องนี้อย่างชัดเจนว่า ผู้ที่มีภาวะขาดน้ำหรือมีระดับน้ำในร่างกายลดลงจากปกติ 1.5% มักจะมีอาการเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัดเจนเมื่อต้องทำงานแบบรูทีนประจำวัน นั่นคือการยืนยันว่า น้ำสำคัญต่อร่างกาย ดังนั้นควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้วเพื่อช่วยเพิ่มออกซิเจนให้กับเลือดแค่นี้คุณก็สดชื่นขึ้นได้อย่างรวดเร็วแล้ว

ถ้าจะให้ง่ายที่สุดก็คือการซื้อเครื่องกดน้ำ เราจะได้ไม่ต้องเดินไปเติมน้ำใหม่เรื่อยๆครับ สามารถดูตัวอย่างของได้บน Lazada นี่นะครับ

#2 เสริมวิตามินและธาตุเหล็กด้วยดีแน่ ๆ

การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่เป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ แต่ด้วยภาวะเร่งรีบอาจทำให้เราละเลยในการรับสารอาหารดี ๆ ได้

การทานอาหารเสริมในรูปแบบวิตามินบีรวม ช่วยเสริมพลังให้กับร่างกายได้ดีและถือว่าเป็นตัวช่วยลดความเหนื่อยล้าได้อีกด้วย

ร่างกายของเรายังต้องการธาตุเหล็กที่สมดุล เพื่อป้องกันการเกิดภาวะโลหิตจาง ที่ส่งผลทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ได้น้อย จนทำให้ร่างกายเหนื่อยง่าย

ดังนั้นการทานอาหารที่มีธาตุเหล็กอย่าง เนื้อสัตว์ ผักสีเขียวเข้ม อัลมอนด์ ข้าวโอ๊ต ถั่วแดง ถั่วดำ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยชาร์ตพลังให้กับร่างกายได้ดี

#3 นอนให้เร็ว และเป็นเวลาขึ้น

อาการเหนื่อยล้าสะสม บางครั้งก็มาจากการอดนอนหรือนอนดึก ๆ ติดต่อกัน และคุณเชื่อไหมว่าเวลาชีวิตของเราหมุนไปกับแสงของดวงอาทิตย์

ดังนั้นการนอนให้เร็วขึ้น และปรับเวลานอนให้สม่ำเสมอ หลับและตื่นในเวลาเดียวกัน จะทำให้ร่างกายรับรู้และจดจำเวลานอนและตื่นได้ ช่วยให้ไม่รู้สึกง่วงและเหนื่อยง่ายในเวลาอื่น ๆ เนื่องจากระดับเมลาโทนินและระดับน้ำตาลในเลือดมีความสมดุลขึ้นนั่นเอง

ผมก็เป็นหนึ่งคนที่นอนได้ยาก และ พอหลุดวงจรประจำไปแล้วก็จะปรับตัวนานมาก เพราะฉะนั้นผมคิดว่าคำตอบในส่วนนี้ก็คือ ‘วินัย’ ซึ่งก็แปลว่าเราต้องปรับวิถีการใช้ชีวิตส่วนอื่นด้วย ในส่วนนี้หากใครสนใจศึกษาความรู้ด้านการนอนเพิ่มเติม สามารถดูคู่มือการทำให้นอนง่าย นอนเร็วของผมเพิ่มได้ที่นี่

วิธีนอนหลับเร็วใน 10, 60, หรือ 120 วินาที! และ อาหารช่วยให้นอนหลับสบาย

#4 ลองหันมากินอาหารว่างที่ให้โปรตีนสูงในช่วงบ่ายแก่ ๆ

ต้องยอมรับว่าช่วงบ่ายแก่ ๆ อย่างช่วงเวลาสี่โมงเย็น เป็นเวลาเจ้าปัญหาที่ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยได้ง่าย ๆ จนทำให้หงุดหงิดกันเลยทีเดียว จากอาการหมดพลังของร่างกาย

แนะนำว่าลองหันหาอาหารที่ให้โปรตีนสูง ๆ อย่าง อัลมอนต์ ถั่ว น้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง หรือพวกขนมจากธัญพืช มาทานเป็นอาหารว่างเพื่อปลุกพลังและสร้างความกระปรี้กระเปร่าให้กับร่างกาย แถมยังช่วยให้อิ่มท้องได้นานลดความยากอาหารเย็นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ถือว่ากำไรสองต่อ ปลุกพลังพร้อม ๆ กับลดอ้วนไปได้ในตัวด้วย

พวกของกินเหล่านี้หาซื้อได้ง่ายมากๆ เหมาะกับการนำมาเป็นของกินเล่นครับ ลองดูตัวอย่างได้บน Lazada ครับ

#5 ลองปรับวิธีออกกำลังกายดูบ้าง

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การออกกำลังกายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในที่ช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการสูบฉีดเลือด

แม้ว่านั้นจะมาพร้อมกับความเหนื่อยแต่กลับเป็นกลไกให้ร่างกายรู้สึกแอ็คทีฟขึ้นและเมื่อทำอย่างสม่ำเสมอยิ่งส่งผลให้ภาวะเหนื่อยง่ายลดน้อยลงได้ดีเลยทีเดียว

แต่ทว่าหากใครที่กำลังประสบปัญหายิ่งออกกำลังกายแล้วยิ่งรู้สึกเพลียและเหนื่อยล้าแล้วล่ะก็ แนะนำให้ลองปรับเปลี่ยนวิธีออกกำลังกายเดิม ๆ ที่ร่างกายคุ้ยเคย

เช่น เปลี่ยนจากวิ่งมาเป็นว่ายน้ำบ้าง เต้นแอโรบิคบ้าง หรือปกตเคยออกกำลังกายตอนเย็นก็ลองปรับเป็นเวลาเช้าดูบ้าง จะช่วยให้ร่างกายรีเฟรชขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว

#6 ลดอาหารประเภทแป้งขัดขาวดูหน่อย

อาหารจำพวกแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต ให้พลังงานแก่ร่างกายก็จริง แต่ว่าทานมาก ๆ ก็ส่งผลทำให้รู้สึกเหนื่อยง่ายและอ่อนล้าได้เช่นกัน

โดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้งขัดขาวที่ให้พลังงานแก่ร่างกายในช่วงเวลาสั้น ๆ เนื่องด้วยร่างกายเปลี่ยนแป้งเหล่านี้ให้เป็นน้ำตาลได้อย่างรวดเร็ว ทำให้หลังทานเรารู้สึกกระปรี้กระเปร่า แต่พอระดับน้ำตาลลดลงก็ส่งผลให้รู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยง่ายได้นั่นเอง

ดังนั้น แนะนำให้ลองหันมาเลือกกินคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งไม่ขัดสีที่ร่างกายใช้เวลาในการเผาผลาญนานกว่าอย่าง โฮลวีท โฮลเกรน ดูสิครับ เพราะการเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาลแบบช้า ๆ จะช่วยทำให้ร่างกายมีชีวิตชีวาได้ตลอดทั้งวันแน่นอน

#7 ห่าง ๆ กาแฟดูบ้าง

สำหรับใครที่กำลังติดกับความเชื่อที่ว่า กาแฟ ช่วยลดความเหนื่อยล้าได้ ยิ่งเหนื่อยยิ่งเพลีย ยิ่งซดกาแฟ ด้วยแล้ว รู้ไหมครับว่ามันยิ่งส่งผลเสียในระยะยาวต่อสุขภาพและเป็นที่มาของอาหารเหนื่อยง่ายแบบเรื้อรังได้

การเลือกที่จะกระตุ้นร่างกายด้วยกาแฟให้ฟื้นจากความเหนื่อยล้าแทนที่จะเลือกวิธีการนอนหลับพักผ่อน ยิ่งอันตราย เพราะคุณกำลังดึงพลังสำรองมาใช้

และเมื่อคราวที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้มันจริง ๆ กำลังสำรองนั้นอาจหมดแล้วจนทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายต่ำส่งผลให้เจ็บป่วยและเดินทางเข้าสู่โรคต่าง ๆ ได้นั่นเอง

ดังนั้น ลองห่าง ๆ คาเฟอีนสักนิด หรือลดปริมาณกาแฟลงบ้าง แล้วเลือกที่จะให้ร่างกายได้พักผ่อนนอนหลับให้มากขึ้น คือวิธีเติมพลังโดยธรรมชาติที่แบตสำรองของร่างกายยังคงอยู่ในภาวะฉุกเฉินได้

ส่วนตัวแล้ว ผมก็เลือกห่างกาแฟหลังเที่ยง แล้วก็มาดื่มพวกน้ำชาสลับกับน้ำเปล่าแทนครับ

#8 ดาร์กช็อกโกแลต ก็ช่วยได้

ในเวลาเร่งด่วนกับหน้าที่การงานที่เร่งรีบ พระเอกที่ช่วยเพิ่มความกระฉับกระเฉงให้กับร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ก็คือ ดาร์กช็อกโกแลต ที่มีสารฟลาโวนอยด์ ตัวช่วยเพิ่มระดับการไหลเวียนเลือดสู่สมอง และแน่นอนว่ามันช่วยกระตุ้นการตื่นตัวของร่างกายได้อีกด้วย

แต่ว่าแนะนำวิธีการนี้แค่บ้างช่วงที่รู้สึกเหนื่อยง่ายในภาวะที่เร่งรีบเท่านั้นนะครับ เพราะหากบ่อยเกินไปเขาก็อาจจะมาพร้อมกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัวได้ด้วยเช่นกัน อันนี้ระวังนะครับ

#9 ลดเครียดด้วยจะดีมาก

อีกหนึ่งสาเหตุของอาการเหนื่อยง่าย อ่อนล้า ไม่สดใส และอ่อนเพลียของร่างกายนั้น มาจากสุขภาพของต่อมหมวกไต ที่เป็นศูนย์ผลิตฮอร์โมนต่าง ๆ ให้กับร่างกาย

ซึ่งหากต่อมหมวกไตล้า การผลิตฮอร์โมนไม่สมดุล อาหารเหนื่อยล้า เหนื่อยง่าย ก็เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย และภาวะ ต่อมหมวกไตล้า ก็เกิดขึ้นจากภาวะความเครียดเรื้อรังเป็นตัวช่วยกระตุ้น ดังนั้น การควบคุมความเครียดให้อยู่ในระดับพอดี

หาทางออกเพื่อช่วยลดความเครียด อย่างเช่น การออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมสร้างสุขต่าง ๆ เป็นวิธีการหนึ่งที่นอกจากลดภาวะผิดปกติของต่อมหมวกไตแล้วยังช่วยให้ร่างกายไม่ต้องเผชิญกับปัญหาเหนื่อยง่ายได้อีกด้วย

#10 ลดเครียดด้วยจะดีมาก

ภาวะเหนื่อยง่ายของร่างกายที่เกิดขึ้นนั้น นอกจากสาเหตุจากการออกกำลังกายน้อย นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ เครียด กังวล หรืออยู่ในระหว่างฟื้นตัวจากไข้แล้ว อาจมีสาเหตุมาจากโรคประจำตัว

เช่น โรคปอด โรคหัวใจ หรือโรคอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดอาการเหนื่อยง่ายก็เป็นได้

ดังนั้น การพบคุณหมอเพื่อตรวจดูสุขภาพบ้างเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยทำให้เรารู้สาเหตุที่แท้จริงของอาการเหล่านี้ และแน่นอนว่าเราจะได้ตั้งรับได้ทันท่วงทีนั่นเอง

อาการเหนื่อยง่ายเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ พักสักนิดก็หายเหนื่อยได้แล้ว แต่ว่าหากตัวเรารู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจแล้วนี่สิ คงเป็นเรื่องใหญ่ที่เสี่ยงต่อสุขภาพและความสัมพันธ์กับคนรอบข้างมาก ๆ ในกรณีที่แย่มากๆ เราก็อาจจะเป็นโรค Burnout Syndrome ได้ (สามารถศึกษาเพิ่มเติมในบทความ Burnout Syndrome ได้ที่นี่)

งั้นเราลองมาปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ดูหน่อยไหม อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้คุณเหนื่อยล้าน้อยลงและมันก็ไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย ขอเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆคน ครับ

บทความล่าสุด